
อาการชักจากไข้สูงเป็นภาวะเร่งด่วนทางการแพทย์ ซึ่งสามารถพบได้ตลอดทั้งปีเพราะเด็กเล็กมีโอกาสที่จะมีไข้สูงได้จากสาเหตุต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัด ต่อมทอนซิลอักเสบ ไข้ออกผื่นหรือท้องเสียและโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาวที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสที่เป็นสาเหตุของการโรคระบบทางเดินหายใจ เมื่อมีไข้สูงตั้งแต่ 38.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป ในเด็กเล็กที่มีอายุ ตั้งแต่ 6 เดือนไปจนถึง 5-6 ปี โดยเฉพาะในช่วงอายุ 1-2 ปีแรกจะมีโอกาสเสี่ยงในการเกิดไข้ชักได้ ซึ่งพบมากในช่วง 1-2 วันแรกของการมีไข้
นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ข้อควรปฏิบัติสำหรับคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองที่มีลูกน้อยในช่วงวัยดังกล่าว แล้วมีอาการชักเนื่องจากไข้สูง คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองต้องพยายามตั้งสติกรณีเด็กตัวเล็กและสามารถจัดท่าขณะที่มีอาการชักได้ ให้จัดท่านอนตะแคงหันศีรษะไปด้านใดด้านหนึ่ง และหลีกเลี่ยงการหนุนหมอนการจัดท่าทางแบบนี้ จะช่วยป้องกันการสำลักได้ และห้ามใช้อุปกรณ์หรือวัสดุต่าง ๆ รวมถึงนิ้วมือของผู้ปกครองใส่เข้าไปในปากของผู้ป่วย งดเว้นการป้อนยาหรือน้ำทางปาก ในขณะที่มีอาการชักหลีกเลี่ยงการพยายามงัดง้าง ถ่างกด แขนขาของผู้ป่วยขณะมีอาการชัก และนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลหรือโทร 1669 ระหว่างนั้นผู้ปกครองพยายามจับเวลาช่วงที่มีอาการชัก เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับแพทย์สังเกตว่าผู้ป่วย มีปากและสีผิวสีเขียวคล้ำร่วมด้วยหรือไม่ ร่วมกับพยายามเช็ดตัวผู้ป่วยตลอดทางระหว่างนำส่งโรงพยาบาล โดยใช้น้ำอุณหภูมิห้องและหลีกเลี่ยงการใช้น้ำเย็นจนกว่าจะไปถึงโรงพยาบาล หรือได้รับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
ว่าที่ร้อยตำรวจโทหญิง แพทย์หญิงนภา ศิริวิวัฒนากุลผู้ อำนวยการสถาบันประสาทวิยา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการชักจากไข้สูงนั้น การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การพยายามลดอุณหภูมิร่างกายของผู้ป่วย การเช็ดตัวลดไข้จึงมีส่วนสำคัญอย่างมากในการรักษาเบื้องต้น โดยควรถอดเสื้อผ้าผู้ป่วยออกให้หมดใช้ผ้าขนนุ่มชุบน้ำให้ชุ่มเช็ดชโลมให้ทั่วทั้งตัวทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ครอบคลุมถึงซอกแขนซอกขาและข้อพับต่าง ๆ เช็ดซ้ำหลาย ๆ ครั้งจนกว่าไข้จะลดลง หากผู้ป่วยรู้สึกตัวเป็นปกติแล้ว ให้ผู้ป่วยรับประทานยาลดไข้กลุ่มพาราเซตามอลได้ และพยายามกระตุ้นให้ผู้ป่วยจิบน้ำบ่อย ๆ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับน้ำเพียงพอ และเพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถจัดการกับภาวะอุณหภูมิที่สูงขึ้นได้
อาการไข้ชักในผู้ป่วยบางรายอาจจจะได้รับถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากคุณพ่อคุณแม่ได้ ดังนั้นในครอบครัวที่ผู้ปกครองเคย มีประวัติไข้ชักก็จะทำให้ลูกน้อยมีโอกาสชักเวลามีไข้สูงเพิ่มมากขึ้นได้ โดยอาการชักเนื่องจากไข้นี้จะไม่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโต การเรียนรู้หรือพัฒนาการของผู้ป่วยยกเว้นในรายที่มีความผิดปกติจากโรคทางระบบประสาทอื่น ๆ จึงมีความจำเป็น ที่จะต้องพบแพทย์ เพื่อตรวจประเมินและให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไป ทั้งนี้เพื่อตรวจยืนยันสาเหตุของอาการชัก และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์สำหรับการดูแลรักษา ตลอดจนเพื่อป้องกันการชักซ้ำในโอกาสต่อไป
27 กันยายน 2568
