
ตำแหน่งปวดท้อง บอกโรค อาการปวดท้อง ปัญหาที่พบได้บ่อยซึ่งหลายคนมองข้ามและเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่จริง ๆ แล้วมีอะไรซ่อนอยู่ภายใต้อาการ ปวด เหล่านั้นมากมาย อาการปวดแต่ละตำแหน่งมีความแตกต่างกันและอาจจะเกิดโรคอย่างใดอย่างหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารและตับได้
ตำแหน่งปวดท้อง บอกโรคอะไรได้บ้าง ?
1.ตำแหน่งปวดท้อง ปวดบริเวณใต้ชายโครงขวา
เป็นตำแหน่งของตับและถุงน้ำดี หากกดแล้วเป็นก้อนแข็ง ๆ พร้อมกับอาการตัวเหลือง หมายถึงความบกพร่องของตับและถุงน้ำดี
2.ตำแหน่งปวดท้อง บริเวณใต้ลิ้นปี่– ปวดใต้ลิ้นปี่ร่วมกับเจ็บหรือแน่นหน้าอก อาจเป็นโรคหัวใจขาดเลือด
– ปวดเป็นประจำเวลาหิวหรืออิ่ม อาจเกี่ยวกับโรคกระเพาะอาหาร หากปวดรุนแรงหรืออาเจียนด้วยอาจเป็นตับอ่อนอักเสบ
– หากคลำเจอก้อนเนื้อขนาดใหญ่และแข็งแสดงว่าตับโต หรือหากคลำได้ก้อนสามเหลี่ยมแบนเล็ก ๆ อาจเป็นกระดูกลิ้นปี่
– หากอืดแน่นท้องเป็น ๆ หาย ๆ เป็นเวลานาน อาจเป็นนิ่วในถุงน้ำดี
3.ปวดท้องบริเวณชายโครงซ้าย
ตรงกับตำแหน่งของม้าม ไม่ควรปล่อยไว้ควรรีบพบแพทย์ทันที
4.ปวดบริเวณบั้นเอวขวาหรือบั้นเอวซ้าย
– ตำแหน่งตรงกับไตและท่อไต
– ปวด เอวหรือมีปัสสาวะเป็นเลือด อาจจะเป็นนิ่วที่ไต จะเป็นข้างใดข้างหนึ่งหรือสองข้างก็ได้ ซึ่งจะมีอาการปวดมากจนเหงื่อออก
– ปวดร้าวถึงต้นขา เป็นอาการเริ่มต้นของนิ่วในท่อไต
– อาการปวดร่วมกับปวดหลัง มีไข้ หนาวสั่น ปัสสาวะขุ่น เป็นกรวยไตอักเสบ
– หากคลำเจอก้อนเนื้อ ควรรีบไปพบแพทย์
5.ปวดท้อง บริเวณรอบสะดือ
ตรงกับตำแหน่งลำไส้เล็ก หากกดแล้วปวดมาก คือ อาการไส้ติ่ง อาการเริ่มแรกของไส้ติ่งอักเสบจะมีอาการปวดท้องรอบ ๆ สะดือ โดยมีอาการปวดบิดเป็นพัก ๆ รอบ ๆ สะดือ คล้ายอาการปวดถ่ายท้องเสีย บางคนก็มีอาการปวดท้องเหนือสะดือร่วมกับถ่ายเหลว หรือท้องเสีย หลังจากนั้นอาการปวดท้องจะย้ายตำแหน่งมาที่ท้องน้อยด้านขวา และมีอาการปวดรุนแรงจนทนไม่ไหว ซึ่งต้องรีบรักษาอย่างเร่งด่วน
7.ปวดบริเวณท้องน้อย
– ตรงกับตำแหน่งกระเพาะปัสสาวะและมดลูก
– หากมีอาการปัสสาวะกะปริบกะปรอย ปวดเวลาปัสสาวะ อาจเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือเป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
– ปวดท้อง น้อย มีไข้สูง ตกขาวมีกลิ่นเหม็น อาจจะเป็นมดลูกอักเสบ
– ปวดเกร็งเวลามีประจำเดือน มีอาการปวดเรื้อรัง แสดงว่ามดลูกมีปัญหาควรรีบพบแพทย์
8.ปวดบริเวณท้องน้อยซ้าย
– ตำแหน่งปีกมดลูกและท่อไต รังไข่ด้านซ้าย ลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย
– ปวดเกร็งเป็นระยะ ๆ ร้าวมาที่ต้นขา เป็นนิ่วในท่อไต
– ปวดร่วมกับมีไข้ หนาวสั่น และมีตกขาว อาการของมดลูกอักเสบ
– ปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติ เป็นอาการของลำไส้ใหญ่อักเสบ
– คลำพบก้อนเนื้อร่วมกับอาการท้องผูกเป็นประจำ อุจจาระมีมูกปนเลือด ท้องผูกสลับกับท้องเสีย น้ำหนักลด อาจเป็นอาการเนื้องอกในลำไส้
อาการร่วมที่จะต้องมาพบแพทย์ ที่ไม่ใช่แค่ ปวดท้อง
1.ปวด นานมากกว่า 6 ชั่วโมงแล้วอาการเป็นมากขึ้น
2.ปวดจนรับประทานอาหารไม่ได้
3.ปวดท้องและอาเจียนอย่างมาก มากกว่า 3-4 ครั้ง
4.ปวดท้องมากขึ้นเมื่อขยับตัว
5.ปวดที่บริเวณท้องน้อยด้านขวา
6.ปวดท้องรุนแรง นอนไม่ได้
7.ปวดร่วมกับเลือดออกจากช่องคลอด
8.ปวดท้องและมีไข้ร่วมด้วย
ข้อมูลจาก
อ. พญ.ศุภมาส เชิญอักษร
สาขาวิชาโรคทางเดินอาหารและตับ ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล