กลไกการออกฤทธ์ของโบท็อก

สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์กล่าว ปัจจุบันการฉีดสารเพื่อเสริมความงาม โดยเฉพาะโบทูลินั่มท็อกซิน หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “โบท็อก” ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากช่วยลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น


นายแพทย์สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่าผลลัพธ์จากการทำงานของ โบท็อกคือช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าซ้ำๆ เช่น ริ้วรอยหน้าผาก หว่างคิ้ว หรือตีนกาให้จางลง ปรับลดขนาดกล้ามเนื้อช่วยให้ขนาดกล้ามเนื้อที่แข็งแรง เช่น กล้ามเนื้อกราม ทำให้นิ่มลงช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น และโบท็อกยังสามารถใช้ในทางการแพทย์เพื่อลดภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติอีกด้วย


นายแพทย์วีรวัต อุครานันท์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวเพิ่มเติม ก่อนเฉีดโบท็อกซ์ทุกครั้ง ผู้รับบริการควรตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์เป็นของแท้และผ่านการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง พร้อมระบุยี่ห้อ เลขทะเบียน เลขล็อต และวันหมดอายุชัดเจน ผู้ปฏิบัติการต้องเป็นแพทย์ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนการรักษา ปริมาณหน่วย ผลลัพธ์ที่คาดหมาย และความเสี่ยงอย่างครบถ้วน สถานพยาบาลต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมาย มีมาตรฐานด้านความสะอาด ระบบควบคุมการติดเชื้อ และอุปกรณ์ฉุกเฉินเพียงพอ อุปกรณ์ที่ใช้ทั้งหมด เข็มและกระบอกฉีด ต้องเป็นของใหม่ ปลอดเชื้อ และเปลี่ยนทุกครั้งก่อนทำหัตถการ ภายหลังการฉีด ควรได้รับเอกสารคำแนะนำการดูแลและกำหนดนัดติดตามผล เพื่อประเมินความปลอดภัยและประสิทธิผลของการรักษาอีกครั้ง


แพทย์หญิงประภาวรรณ เชาวะวณิช นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ สถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า กลไกการทำงานของโบท็อกเริ่มจากการจับกับปลายประสาทเมื่อฉีดโบท็อกเข้าสู่บริเวณกล้ามเนื้อ ตัวยาจะออกฤทธิ์จับกับปลายเซลล์ประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อ การยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาท ซึ่งโบท็อกจะยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า อะเซทิลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งทำหน้าที่ส่งสัญญาณจากเซลล์ประสาทไปยังกล้ามเนื้อ และกลไกลสุดท้าย คือการทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว เมื่อสารสื่อประสาทถูกยับยั้ง กล้ามเนื้อบริเวณนั้นจะไม่สามารถรับคำสั่งจากเซลล์ประสาท ทำให้กล้ามเนื้อหยุดทำงานชั่วคราวและเกิดการคลายตัว


 


3 ตุลาคม 2568