
ในดวงตาของเรามีสาร "ลูทีน และ ซีแซนทิน"สารสีในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) พบมากในบริเวณจุดรับภาพชัด (Macular) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของจอประสาทตาในการรับภาพและส่งข้อมูลไปยังสมอง ทำให้การมองเห็นภาพคมชัดขึ้น
โ
ดย "ลูทีน (Lutein)" และ "ซีแซนทิน (Zeaxanthin)" ทำหน้าที่ในการกรองแสงที่ผ่านเข้าสู่จอตาและลดการสะท้อนของแสงที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ทั้งแสงแดด, คลื่นพลังงานสูงอย่างรังสีอัลตราไวโอเลต (รังสี UV) และแสงสีฟ้า เช่น แสงจากโทรทัศน์ แสงจากคอมพิวเตอร์ แสงจากหลอดไฟ
แล้ว "ลูทีน" และ "ซีแซนทิน" จำเป็นต่อดวงตาอย่างไร
● เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยดูดซับแสงสีน้ำเงิน (Blue Light) ซึ่งพบได้ในแสงจากหน้าจอของอุปกรณ์ Electronic ต่าง ๆ รวมถึงแสงแดด
● มีส่วนสำคัญในการมองเห็นภาพได้คมชัด
● เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ใช้ต่อสู้กับอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นบริเวณดวงตา ช่วยชะลอความเสื่อมของศูนย์กลางจอประสาทตา
● ลดอาการตาแห้ง แสบตา ตาพร่ามัว
● ลดความเสี่ยงการเกิดโรคต้อกระจก โรคจอประสาทตาเสื่อม หรือโรคจุดภาพชัดของจอตาเสื่อม (AgeRelated Macular Degeneration: AMD) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียการมองเห็นในผู้สูงอายุ

ลูทีน และ ซีแซนทิน สารที่ไม่ควรมองข้าม เพราะ ร่างกายเราไม่สามารถสังเคราะห์สารสองตัวนี้ได้เอง
จะได้รับจากการรับประทานอาหาร พบได้ในไข่แดง ไขมันสัตว์ ดอกดาวเรือง (นิยมนำมาสกัดเพื่อทำเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงสายตา) ผักใบเขียว เช่น ผักปวยเล้งจะมีลูทีน 6.5-13.0 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักผักสด 100 กรัม ผักคะน้าจะมีลูทีนในปริมาณ 4.8-13.4 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักผักสด 100 กรัม และผักผลไม้หลากสี โดยปริมาณที่แนะนำให้บริโภคของลูทีนและซีแซนทิน คือ 6-10 มิลลิกรัมต่อวัน หากบริโภคประมาณ 6 มิลลิกรัมต่อวัน จะสามารถช่วยลดการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมได้
ข้อมูลจาก : องค์การเภสัชกรรม