
กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี หมอเด็กห่วงใยในช่วงนี้เป็นช่วงที่ไวรัสทางเดินหายใจหลายชนิดเริ่มระบาดมากขึ้น หนึ่งในไวรัสที่ควรเฝ้าระวังคือไวรัส RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ในประเทศไทยฤดูกาลระบาดของ RSV เริ่มเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนประมาณเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม และระบาดสูงสุดในเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม หลังจากนั้นจะลดน้อยลงไปเมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตอาการของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด
นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า RSV เป็นไวรัสที่ติดต่อผ่านการหายใจเอาละอองเสมหะของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ RSV เช่น น้ำมูก น้ำลาย เข้าสู่ร่างกาย หรือผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ที่ติดเชื้อหรือวัตถุที่มีการปนเปื้อน โดยไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเยื่อบุตา จมูก ปาก และมักจะมีอาการใน 4 – 6 วัน หลังได้รับเชื้อ โดยเฉพาะเด็กเล็ก จะมีไข้ ไอ น้ำมูก รับประทานอาหารได้น้อยลง หายใจหอบเหนื่อย อกบุ๋ม รวมไปถึงได้ยินเสียงปอดผิดปกติ การวินิจฉัยทำได้โดยตรวจหาเชื้อไวรัสจากสารคัดหลั่งในจมูก ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจตรวจเพิ่มเติมด้วยการ
x-ray ทรวงอก หากสงสัยว่าการติดเชื้อนั้นลุกลามจนเกิดภาวะปอดอักเสบ การรักษายังไม่มียารักษาการติดเชื้อ RSV โดยตรง เป็นการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้ ยาแก้ไอละลายเสมหะ ดูแลให้เด็กดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและรักษาร่างกายให้อบอุ่น หากไม่มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนไม่จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะ ในรายที่อาการไม่รุนแรงเด็กสามารถพักฟื้นที่บ้านได้ โดยได้รับการดูแลจากผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด ในรายที่มีอาการรุนแรงแพทย์อาจพิจารณาให้นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล
นายแพทย์อาคม ชัยวีระวัฒนะ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส RSV สามารถทำได้หลายวิธี โดยเริ่มจากการดูแลสุขอนามัยพื้นฐาน ได้แก่ การล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ รวมถึงการสอนให้เด็กปิดปากและจมูกทุกครั้งเมื่อไอหรือจาม นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในสถานที่แออัดโดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาด รวมถึงหมั่นทำความสะอาดบ้านและสิ่งของที่ใช้ร่วมกันเป็นประจำ เช่น ลูกบิดประตู ของเล่น หรืออุปกรณ์ต่างๆ ควรให้เด็กนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง หากเด็กมีอาการเจ็บป่วย ควรให้หยุดเรียนอย่างน้อย 5 – 7 วัน หรือจนกว่าอาการจะหายเป็นปกติ เพื่อลดโอกาสการแพร่กระจายของเชื้อ ทั้งนี้เด็กควรหลีกเลี่ยงการได้รับควันบุหรี่ เพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้อาการจากการติดเชื้อ RSV รุนแรงมากขึ้น ในปัจจุบันมีการใช้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Nirsevimab เพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อ RSV ที่รุนแรงในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น หลอดลมฝอยอักเสบหรือปอดอักเสบ อย่างไรก็ตาม การใช้ Nirsevimab ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพื่อประเมินความเสี่ยงและความเหมาะสมเป็นรายบุคคล โดยเฉพาะในเด็กเล็กและเด็กที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคปอดเรื้อรังจากการคลอดก่อนกำหนด ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง หรือโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด การดูแลสุขอนามัยและสังเกตอาการของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด จะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้
27 สิงหาคม 2568



