
ในยุคนี้อาหารบางประเภทที่เรากินก็มีสารบางประเภท ที่ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยเป็นตัวกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเจริญเติบโตและกลายพันธุ์ได้ 5 อาหารที่ว่ามีอะไรบ้างมาดูกัน
1. ไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic Aromatic Hydrocarbons, PAHs)
ไฮโดรคาร์บอนคือสารเคมีที่เกิดขึ้นเมื่อเราทำอาหารประเภทปิ้งย่างโดยมีไขมันหยดลงบนถ่านหรือเตา เมื่อไขมันสัมผัสกับความร้อนและเกิดการเผาไหม้ จะปล่อยไฮโดรคาร์บอนออกมาทางควันซึ่งจะเคลือบอยู่บนผิวเนื้อสัตว์ที่ย่าง ก็จะเป็นพวดบฝหมูกระทะ บาบีคิว การบริโภคเนื้อสัตว์ที่ผ่านความร้อนมากๆเป็นเวลานานมีผลให้ร่างกายได้รับสารพิษสะสม ซึ่งไฮโดรคาร์บอนจะเข้าทำลาย DNA ในเซลล์ลำไส้ ทำให้เกิดการกลายพันธุ์และเพิ่มความเสี่ยงในการพัฒนาเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ เพื่อลดความเสี่ยงจากการได้รับสารไฮโดรคาร์บอน ควรเลี่ยงการทำอาหารด้วยวิธีปิ้งย่างโดยเฉพาะการย่างจนไหม้เกรียม และควรหลีกเลี่ยงการให้ไขมันหยดลงบนถ่านหรือเตาโดยตรง
2. อะคริลาไมด์ (Acrylamide)
อะคริลาไมด์เป็นสารเคมีที่พบในอาหารทอดหรืออาหารที่ผ่านความร้อนสูงโดยเฉพาะในอาหารประเภทจังก์ฟู้ด เช่น เฟรนช์ฟรายส์ และมันฝรั่งทอดกรอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้น้ำมันพืชเก่าที่ผ่านการใช้งานซ้ำ การทอดในน้ำมันความร้อนสูงจะปล่อยอะคริลาไมด์ออกมา สารนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะส่งผลกระทบต่อระบบยีนและสามารถกระตุ้นการเกิดเซลล์มะเร็งได้
เพราะฉะนั้น ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภททอดโดยเฉพาะที่ทำจากน้ำมันที่ใช้ซ้ำ และควรบริโภคอาหารสดหรือปรุงใหม่ เพื่อลดการได้รับอะคริลาไมด์ในปริมาณสูง
3. ไนเตรตและไนไตรต์ (Nitrate and Nitrite)
ไนเตรตและไนไตรต์เป็นสารเคมีที่พบในอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม และเบคอน สารเหล่านี้ถูกเติมในอาหารเพื่อรักษาสีและยืดอายุการเก็บรักษา แต่เมื่อเข้าสู่ร่างกาย สารไนเตรตและไนไตรต์จะเปลี่ยนเป็นไนโตรซามีน (Nitrosamines) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่สามารถกระตุ้นการพัฒนาของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ยิ่งถ้าเรากินอาหารแปรรูปเป็นประจำก็ยิ่งเสี่ยงเพราะฉะนั้นควรจำกัดการบริโภคอาหารแปรรูป โดยเฉพาะประเภทที่มีสารกันบูดอย่างไนเตรตและไนไตรต์ และหันมาบริโภคอาหารสดหรืออาหารที่ไม่มีการปรุงแต่งสารเคมีจะช่วยลดความเสี่ยงได้
4. ออร์กาโนฟอสเฟต (Organophosphate)
ออร์กาโนฟอสเฟตเป็นสารเคมีกลุ่มยาฆ่าแมลงที่ใช้ในการเกษตรและอาจตกค้างอยู่ในผักผลไม้ หากเราบริโภคผักผลไม้ที่มีสารเคมีตกค้างในปริมาณมาก สารเหล่านี้จะสะสมในร่างกายและอาจทำลาย DNA ในเซลล์ลำไส้ใหญ่ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้ การล้างผักผลไม้ด้วยน้ำธรรมดาอาจไม่เพียงพอในการกำจัดสารเคมีเหล่านี้ ควรแช่ผักผลไม้ในน้ำด่างทับทิมหรือน้ำผสมน้ำส้มสายชูหรือน้ำเกลือก่อนบริโภค และควรเลือกบริโภคผักผลไม้ออร์แกนิกที่ปลอดจากสารเคมี
5. ฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde)
ฟอร์มัลดีไฮด์มักพบในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเมื่อบริโภคแอลกอฮอล์ในปริมาณมากจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในร่างกายทำให้เกิดสารประกอบที่ไปกระตุ้นยีนบางตัวที่เกี่ยวข้องกับการเกิดเซลล์มะเร็ง แอลกอฮอล์นอกจากทำให้เกิดฟอร์มัลดีไฮด์แล้วยังส่งผลเสียต่ออวัยวะอื่น ๆ ในระบบทางเดินอาหาร รวมถึงทำให้ลำไส้อักเสบและเพิ่มโอกาสในการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่อีกด้วย
วิธีลดความเสี่ยงคือจำกัดการบริโภคแอลกอฮอล์ หรือหลีกเลี่ยงการดื่มหากเป็นไปได้ เพื่อป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่และลดผลกระทบจากฟอร์มัลดีไฮด์ในร่างกาย
อีกอย่างที่ฝาก สารพิษในบุหรี่
บุหรี่ไม่เพียงแต่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินหายใจ แต่ยังมีสารพิษหลายชนิดที่สามารถกระตุ้นเซลล์มะเร็งในระบบทางเดินอาหารรวมถึงลำไส้ใหญ่ การสูบบุหรี่แบบธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อสุขภาพและเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งทุกประเภท รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงให้กับคนรอบข้างด้วย
การดูแลสุขภาพโดยการลดปริมาณสารพิษที่ได้รับจากอาหารเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ การหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารปิ้งย่าง อาหารทอด น้ำมันเก่า อาหารแปรรูป และอาหารที่อาจมีสารตกค้าง เป็นการป้องกันที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ และควรตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดความเสี่ยงในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันการตรวจเข้าถึงง่ายขึ้นนะ ตรวจความเสี่ยงได้ด้วยตัวเองนะ ใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก Facebook หมอเจด