
การผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมาก (Radical Prostatectomy) เป็นหนึ่งในการรักษาหลักสำหรับมะเร็งต่อมลูกหมากเฉพาะที่ ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction: ED) จึงเป็นหนึ่งในผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยหลังได้รับการรักษา
นายแพทย์สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันแนวคิดในการ “ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ” สำหรับผู้ได้รับการผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมาก คือ ให้การรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ หลังการผ่าตัด เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของเนื้อเยื่อองคชาตจากการขาดออกซิเจน และส่งเสริมการฟื้นตัวของเส้นประสาทและหลอดเลือด โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มโอกาสการกลับมาแข็งตัวได้เองอีกครั้งในระยะยาว ในปัจจุบันยังไม่มีแนวทางการรักษาที่เป็นมาตรฐานเพียงวิธีเดียว แต่ใช้วิธีการรักษาแบบผสมผสาน
เรืออากาศเอกนายแพทย์สมชาย ธนะสิทธิชัย ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า วิธีการรักษาผู้ป่วยภาวะหย่อนสมรรถภาพหลังการผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมาก ใช้วิธีการรักษาแบบผสมผสาน โดยมีทางเลือกต่าง ๆ ได้แก่ การใช้ยา ได้แก่ ยากลุ่ม PDE5 Inhibitorsที่ใช้ในการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ การฉีดยาเข้าองคชาตโดยตรงก่อนการมีเพศสัมพันธ์ การใช้อุปกรณ์ช่วย ซึ่งเป็นอุปกรณ์สุญญากาศที่ช่วยดึงเลือดมาคั่งที่องคชาตเพื่อให้เกิดการแข็งตัว การรักษาเสริมและแนวทางการรักษาเพิ่มเติม ได้แก่ การใช้คลื่นกระแทกความเข้มต่ำ (Low-Intensity Extracorporeal Shockwave Therapy - LI-ESWT) เทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความเข้มต่ำมากระตุ้นที่องคชาต โดยเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างหลอดเลือดใหม่ และอาจส่งเสริมการซ่อมแซมของเส้นประสาท การบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Pelvic Floor Muscle Training) และ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic Training)
นายแพทย์จิรายุส ไมตรีสถิต แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์มะเร็งทางเดินปัสสาวะ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้ยา ได้แก่ ยากลุ่ม PDE5 Inhibitors ซึ่งปัจจุบันเป็นยามาตรฐานที่ใช้ในการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เพราะช่วยในการขยายหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังองคชาต ทำให้เกิดการแข็งตัว การใช้ยาเหล่านี้จึงช่วยเพิ่มความพึงพอใจ และเพิ่มคุณภาพชีวิตทางเพศได้อย่างมีนัยสำคัญระหว่างที่รอการฟื้นตัว การฉีดยาเข้าองคชาตโดยตรง ก่อนการมีเพศสัมพันธ์ เป็นอีกทางเลือกที่พบว่าช่วยในการฟื้นฟูการแข็งตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ การใช้ยาทั้งสองรูปแบบข้างต้นมีผลข้างเคียงและข้อห้ามใช้บางประการ จึงควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ การใช้อุปกรณ์ช่วย ได้แก่ อุปกรณ์สุญญากาศ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยดึงเลือดมาคั่งที่องคชาต เพื่อให้เกิดการแข็งตัว มีการศึกษาพบว่า การใช้เป็นประจำอาจช่วยรักษาความยาวขององคชาต และเพิ่มโอกาสในการมีเพศสัมพันธ์ได้สำเร็จ โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับยาชนิดรับประทาน PDE5i การรักษาเสริมและแนวทางการรักษาเพิ่มเติม ได้แก่ การใช้คลื่นกระแทกความเข้มต่ำ (Low-Intensity Extracorporeal Shockwave Therapy - LI-ESWT) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความเข้มต่ำ มากระตุ้นที่องคชาต โดยเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างหลอดเลือดใหม่ และอาจส่งเสริมการซ่อมแซมของเส้นประสาท จากผลการศึกษาเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่า อาจมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการช่วยฟื้นตัวระยะแรก และ เมื่อใช้ร่วมกับยารับประทานในกลุ่ม PDE5i แต่ในปัจจุบันยังมีข้อมูลการศึกษาค่อนข้างจำกัด ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อยืนยันประสิทธิภาพในการรักษาระยะยาว การบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Pelvic Floor Muscle Training) การออกกำลังกายกล้ามเนื้อส่วนนี้ จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังองคชาตและเพิ่มความแข็งแรงในการแข็งตัว แต่ในปัจจุบันยังมีข้อมูลการศึกษาในกลุ่มคนไข้หลังผ่าตัดโดยตรง ค่อนข้างจำกัด จึงแนะนำให้รักษาร่วมกับวิธีอื่น ๆ และการออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic Training) การออกกำลังกาย เช่น การเดินเร็ว ช่วยส่งเสริมสุขภาพของหลอดเลือดโดยรวม ในปัจจุบันยังมีข้อมูลการศึกษาในกลุ่มคนไข้หลังผ่าตัดโดยตรง ค่อนข้างจำกัด จึงแนะนำให้รักษาร่วมกับวิธีอื่น ๆ
บทสรุปและคำแนะนำ การฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศหลังการผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมากเป็น "การวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น" การฟื้นตัวของเส้นประสาทอาจใช้เวลาตั้งแต่ 1-2 ปี หรือนานถึง 4 ปี สิ่งสำคัญคือ ทำความเข้าใจว่าการฟื้นตัวต้องใช้ระยะเวลาและความอดทน และปรึกษาแพทย์ประจำตัวของท่าน เพื่อวางแผนการฟื้นฟูที่เหมาะสมและหากมีอาการผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์โดยเร็ว หากท่านมีข้อสงสัย สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติผ่านทาง Facebook : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ National Cancer Institute และ LINE : NCI รู้สู้มะเร็ง
4 สิงหาคม 2568
