โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs): โรคร้ายที่เราสร้างเอง จะป้องกันได้อย่างไร

โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs (Non-Communicable Diseases) เป็นกลุ่มโรคที่กำลังเป็นปัญหาสำคัญต่อสุขภาพของคนไทยและทั่วโลก ด้วยความที่โรคเหล่านี้ไม่ได้ติดต่อจากคนสู่คน แต่กลับกลายเป็นภัยเงียบที่ค่อย ๆ คุกคามชีวิตในระยะยาวโดยที่หลายคนอาจไม่ทันสังเกต ด้วยวิถีชีวิตสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ความเครียด และพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับสุขภาพ ทำให้โรค NCDs กลายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ในปัจจุบัน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักโรคไม่ติดต่อเรื้อรังให้ลึกขึ้น รวมถึงวิธีป้องกันตัวเองอย่างถูกต้อง


โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) คืออะไร?
โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) คือ โรคที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อหรือแพร่กระจายจากคนสู่คน แต่เกิดจากความผิดปกติของระบบภายในร่างกาย ซึ่งพัฒนาอย่างช้า ๆ และมีแนวโน้มเป็นเรื้อรังต่อเนื่องยาวนาน โรคเหล่านี้มักเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การกินอาหารไม่เหมาะสม ขาดการออกกำลังกาย สูบบุหรี่ หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจำ ตัวอย่างของโรค NCDs ที่คุ้นหูกันดี ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็งบางชนิด และโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง แม้จะไม่ได้ติดต่อกันโดยตรง แต่ NCDs สร้างผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตและการทำงานในระยะยาว


โรค NCDs มีโรคอะไรบ้าง?
กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ประกอบไปด้วยโรคสำคัญหลายชนิดที่พบได้บ่อยและสร้างผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก โดยโรคเหล่านี้มีลักษณะเรื้อรัง ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง และอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว ตัวอย่างของโรค NCDs ที่พบได้บ่อย ได้แก่
โรคความดันโลหิตสูง
โรคความดันโลหิตสูงคือภาวะที่แรงดันเลือดในหลอดเลือดสูงเกินค่ามาตรฐาน ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนัก อาจเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน เช่น หัวใจล้มเหลว ไตวาย หรือเส้นเลือดในสมองแตก ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัว เพราะอาการมักไม่มีความผิดปกติชัดเจน จึงถูกเรียกว่า “ภัยเงียบ”


โรคถุงลมโป่งพอง
โรคนี้เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ เกิดจากการสูบบุหรี่หรือสัมผัสสารพิษในอากาศนาน ๆ ส่งผลให้ถุงลมในปอดเสียหาย หายใจติดขัด เหนื่อยง่าย หากปล่อยทิ้งไว้จะรุนแรงมากขึ้นจนกระทบชีวิตประจำวัน


โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ
โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย โรคหลอดเลือดสมองเกิดจากการอุดตันหรือแตกของหลอดเลือด ส่งผลให้สมองขาดออกซิเจน ส่วนโรคหัวใจเกิดจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบหรืออุดตัน ทำให้หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน


โรคเบาหวาน
โรคเบาหวานเป็นโรคที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินปกติเรื้อรัง เกิดจากร่างกายผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ หรือร่างกายดื้อต่ออินซูลิน ผู้ป่วยมักมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ไตเสื่อม ตาบอด แผลหายยาก


โรคอ้วนลงพุง
ภาวะอ้วนลงพุง หรือ Metabolic Syndrome เป็นจุดเริ่มต้นของโรค NCDs หลายชนิด เกิดจากไขมันสะสมบริเวณรอบเอวมากเกินไป เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดสมอง


โรคมะเร็ง
มะเร็งเป็นโรคร้ายแรงที่มีหลากหลายชนิด เช่น มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม ปัจจัยเสี่ยงส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรม เช่น การสูบบุหรี่ กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ หรือสัมผัสสารเคมี


นอกจากนี้ ยังมีโรคไขมันในเลือดสูง โรคเกาต์ และโรคอื่น ๆ ในกลุ่ม NCDs ที่ต้องการการดูแลรักษาอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนและยกระดับคุณภาพชีวิตในระยะยาว

ปัจจัยเสี่ยงและสาเหตุของโรค NCDs มีอะไรบ้าง ?
ต้นตอสำคัญ ของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ล้วนเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันและสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเรา ปัจจัยเสี่ยงหลักที่เป็นตัวเร่งให้เกิดโรค NCDs ประกอบด้วย
- การกินอาหารไม่เหมาะสม เช่น การกินอาหารรสจัด หวาน มัน เค็ม หรืออาหารสำเร็จรูปเป็นประจำ ส่งผลให้ร่างกายได้รับโซเดียม ไขมัน และน้ำตาลมากเกินไปจนสะสมเป็นปัญหาสุขภาพ
- ขาดการออกกำลังกาย การนั่งทำงานหรือใช้ชีวิตแบบไม่ขยับร่างกาย เป็นเวลานาน ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่เต็มที่ เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วน เบาหวาน และหัวใจ
- สูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สองสิ่งนี้ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคถุงลมโป่งพอง
- ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียดสะสมและการนอนหลับไม่พอ สามารถส่งผลให้ฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติ จนเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงและโรคอื่น ๆ
- พันธุกรรมและอายุ แม้จะดูแลสุขภาพดีแค่ไหน แต่ถ้ามีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรค NCDs หรือมีอายุเพิ่มขึ้น โอกาสเสี่ยงก็สูงตามไปด้วย
ดังนั้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่กล่าวมาข้างต้น พร้อมกับตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ ถือเป็นหัวใจสำคัญในการลดความเสี่ยงและห่างไกลจากโรค NCDs ได้ในระยะยาว


ใครบ้างที่มีความเสี่ยงเป็นโรค NCDs ?
โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ไม่ใช่โรคของคนแก่หรือคนทำงานหนักเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว “ทุกคน” ล้วนมีโอกาสเสี่ยงเป็น NCDs ได้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะในยุคที่วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป เน้นความสะดวกสบายมากขึ้น หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหว หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว
กลุ่มที่ควรระวังและมีโอกาสเป็นโรค NCDs สูงเป็นพิเศษ ได้แก่
- วัยทำงานและผู้สูงอายุ คนที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะวัยทำงานที่ใช้ชีวิตเร่งรีบ พักผ่อนน้อย และมีความเครียดสูง
- ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วนลงพุง คนที่ดัชนีมวลกาย (BMI) สูงหรือมีไขมันสะสมรอบเอวมาก จะเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
- ผู้ที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย หรือทำงานนั่งโต๊ะเป็นเวลานาน ขาดการเคลื่อนไหวร่างกาย
- ผู้ที่สูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจำ การรับสารพิษและแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่องจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคถุงลมโป่งพอง มะเร็ง และหัวใจ
- คนที่มีประวัติครอบครัวป่วยเป็น NCDs เช่น พ่อแม่ พี่น้องมีโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือมะเร็ง
- ผู้ที่มีความเครียดสะสม หรือพักผ่อนน้อยเป็นประจำ
แม้คุณจะไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงข้างต้น แต่ถ้ามีพฤติกรรมหรือไลฟ์สไตล์ที่กล่าวมา ก็ควรเริ่มระวังและหันมาใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้น เพราะโรค NCDs มักไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะแรก กว่าจะรู้ตัวก็อาจสายเกินไป การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจึงสำคัญสำหรับทุกคน


ทำไมคนวัยทำงานถึงเสี่ยงเป็น NCDs ?
คนวัยทำงานถือเป็นกลุ่มที่เสี่ยงเป็นโรค NCDs มากที่สุด ด้วยรูปแบบชีวิตที่ต้องเร่งรีบ ทำงานหนัก มีเวลาน้อยในการดูแลตัวเอง ต้องรับผิดชอบหลายอย่างทั้งเรื่องงานและครอบครัว ส่งผลให้ละเลยเรื่องการกินอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ออกกำลังกาย เครียดสะสม บางคนอาจใช้วิธีผ่อนคลายด้วยการสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ส่งผลให้ความเสี่ยงสะสมสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว ที่สำคัญวัยทำงานส่วนใหญ่มักคิดว่าโรคเหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้นกับตัวเองในระยะสั้น จึงขาดการป้องกันหรือเฝ้าระวัง

ป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้อย่างไร ?
การป้องกันโรค NCDs ไม่ใช่เรื่องยาก เริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น
- เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ลดอาหารหวาน มัน เค็ม รวมถึงหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปหรือฟาสต์ฟู้ด เลือกอาหารที่สดใหม่และปรุงเองจะดีที่สุด
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือวันละ 30 นาที เช่น เดินเร็ว วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ หรือกิจกรรมที่ชอบ การเคลื่อนไหวร่างกายจะช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้น ลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ
- งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สองสิ่งนี้เป็นตัวการสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงของโรค NCDs หลายชนิด การลดหรือเลิกบุหรี่และแอลกอฮอล์จะช่วยลดโอกาสเกิดโรคอย่างเห็นได้ชัด
- พักผ่อนให้เพียงพอและจัดการความเครียด การนอนหลับอย่างเพียงพอและหาวิธีคลายเครียด เช่น ทำสมาธิ ฟังเพลง หรือออกไปเดินเล่น จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรง
- ตรวจสุขภาพประจำปี การตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้สามารถค้นหาความเสี่ยงและป้องกันโรคได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ


โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อาจดูเหมือนไกลตัว แต่จริง ๆ แล้วอยู่ใกล้ตัวเราทุกคน ความน่ากลัวของโรคนี้คือมักไม่แสดงอาการในระยะแรก กว่าจะรู้ตัวก็เกิดภาวะแทรกซ้อนหรืออันตรายถึงชีวิตแล้ว ดังนั้น การใส่ใจสุขภาพ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่วันนี้ และตรวจสุขภาพประจำปีเป็นประจำ คือวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรค NCDs ให้ห่างไกลจากตัวคุณและคนที่คุณรัก


 

ข้อมูลโดย
ผศ. ดร. นพ.ไพฑูรย์ เบ็ญจพรเลิศ
ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล


ขอบคุณที่มาของข้อมูล  


https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%87