อบจ.ชลบุรี สปสช. BDI ลงนาม MOU ใช้ระบบ ‘Health Link’ เชื่อมข้อมูลสุขภาพ ‘รพ.สต.ถ่ายโอน’

www.medi.co.th

“อบจ.ชลบุรี” จับมือ “สปสช. – BDI” ลงนาม MOU นำร่องเชื่อมข้อมูลสุขภาพระหว่าง รพ.สต. ถ่ายโอน 118 แห่ง ผ่านระบบ Health Link เชื่อมต่อข้อมูลข้ามหน่วยบริการ - สถานพยาบาล พร้อมเชื่อมตรง รพ.แม่ข่าย ดูแลผู้ป่วยได้อย่างครอบคลุมและรวดเร็ว อีกทั้ง ยังนำข้อมูลไปวางแผนการบริหารจัดการด้านสุขภาพในจังหวัดได้ ภายใต้ความปลอดภัยจากกฎหมาย PDPA

องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี (อบจ.ชลบุรี) ร่วมกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วย “การบูรณาการข้อมูลและพัฒนาระบบสารสนเทศร่วมกัน” เพื่อขับเคลื่อนการออกแบบและพัฒนาระบบฐานข้อมูลกลางด้านสุขภาพ (Health Data Hub) เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพของประชาชนผ่านระบบ Health Link เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568 ณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี โดยมีเป้าหมายให้ อบจ.ชลบุรี และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จำนวน 118 แห่งที่ถ่ายโอนมาอยู่ในสังกัด สามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพและนำไปใช้ในการวางแผน บริหารจัดการ ติดตาม และประเมินผลการให้บริการด้านสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพ


 

นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า จังหวัดชลบุรีมีประชากรตามทะเบียนราษฎรราว 1.6 ล้านคน และยังเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมสำคัญที่มีประชาชนจากจังหวัดอื่นเข้ามาทำงานและพักอาศัยอีกกว่า 1 ล้านคน การมีระบบข้อมูลสุขภาพที่เชื่อมโยงกันระหว่างหน่วยบริการจึงมีความจำเป็น เพื่อให้การเข้าถึงข้อมูล การดูแลผู้ป่วย และการบริหารจัดการด้านสาธารณสุขเป็นไปอย่างรวดเร็วและครอบคลุมมากขึ้น โดยการเชื่อมโยงข้อมูลจะช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถเข้าถึงประวัติการรักษาที่จำเป็นได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การรักษามีความถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการนำข้อมูลไปใช้วางแผนและสนับสนุนทรัพยากรด้านสาธารณสุขของจังหวัด ภายใต้กรอบกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) 


นายก อบจ.ชลบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือครั้งนี้ทำให้ชลบุรีเป็นจังหวัดแรกที่เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพในระดับบริการปฐมภูมิผ่าน รพ.สต. ที่ถ่ายโอน ซึ่งสามารถเป็นต้นแบบและขยายผลไปยังจังหวัดอื่นทั่วประเทศได้ โดยหน่วยบริการในสังกัด อบจ. จะสามารถเชื่อมต่อข้อมูลกับโรงพยาบาลแม่ข่าย เพิ่มความถูกต้องในการรักษา ตลอดจนการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำไปพัฒนาการดูแลสุขภาพในมิติอื่นๆ และยกระดับประสิทธิภาพการบริหารจัดการระบบสาธารณสุขโดยรวม


 

ด้าน ศ.ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI กล่าวว่า BDI จะสนับสนุนจังหวัดชลบุรีใน 2 ด้านหลัก คือ การเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพจากหน่วยบริการ และการให้คำปรึกษาด้านการออกแบบโครงสร้างพื้นฐาน การใช้ และการวิเคราะห์ข้อมูล โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและแพลตฟอร์ม Health Link ซึ่งช่วยให้สถานพยาบาลสามารถเข้าถึงประวัติการรักษาของประชาชนข้ามหน่วยบริการจากระบบสารสนเทศโรงพยาบาล (HIS) ปัจจุบัน Health Link ได้เชื่อมโยงข้อมูลจากโรงพยาบาลขนาดใหญ่ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร และหน่วยบริการด้านอนามัยต่างๆ และอยู่ระหว่างขยายการเชื่อมโยงสู่หน่วยบริการปฐมภูมิร่วมกับ สปสช. โดยจังหวัดชลบุรีถือเป็นพื้นที่นำร่องสำคัญ เนื่องจากเป็นจังหวัดแรกที่ถ่ายโอน รพ.สต. ครบ 100%


 


ผู้อำนวยการ BDI กล่าวด้วยว่า ระบบ Health Link อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และมีมาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์อย่างเข้มงวด การใช้ข้อมูลจะจำกัดเฉพาะเพื่อประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาล และดำเนินการตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) อย่างเคร่งครัด โดยมีข้อตกลงไม่เปิดเผยข้อมูล (NDA) และกำหนดให้ อบจ.ชลบุรีเป็นผู้ควบคุมและกำกับดูแลการใช้ข้อมูล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของประชาชน


ขณะที่ นพ.สินชัย ต่อวัฒนกิจกุล รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลสุขภาพจากระดับประเทศสู่ระดับพื้นที่ โดยข้อมูลการให้บริการสุขภาพจากหน่วยบริการทั่วประเทศที่ส่งมายัง สปสช. เพื่อการเบิกจ่าย จะถูกนำมาประมวลผลและจัดทำเป็นฐานข้อมูลส่วนกลางร่วมกับ BDI ก่อนคืนข้อมูลสู่พื้นที่ เพื่อให้หน่วยบริการ โดยเฉพาะ รพ.สต. ซึ่งใกล้ชิดและเข้าใจปัญหาสุขภาพของประชาชนมากที่สุด สามารถเข้าถึงข้อมูลข้ามพื้นที่ได้อย่างครบถ้วน ช่วยให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างตรงจุด และสนับสนุนการวางแผนจัดบริการ การจัดสรรทรัพยากร และการรับมือสถานการณ์วิกฤติ โดยเฉพาะการดูแลกลุ่มเปราะบางได้อย่างทันท่วงที


“จังหวัดชลบุรีจะเป็นต้นแบบด้านการกระจายอำนาจและระบบการเบิกจ่ายบริการสุขภาพ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่ถ่ายโอน รพ.สต. ครบ 100% โดย สปสช. จะหารือร่วมกับกรมบัญชีกลาง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการสามารถรับบริการที่ รพ.สต. ได้ โดย สปสช. จะทำหน้าที่เป็น Clearing House ให้โดยไม่ต้องสำรองจ่าย ซึ่งในปี 2569 จะเริ่มนำร่องใน 500 แห่ง ก่อนขยายผลทั่วประเทศในปี 2570” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว