มหาวิทยาลัยมหิดล เดินหน้าขับเคลื่อนแผน “Medical Disruption” พลิกโฉมยุคใหม่การแพทย์ไทย ล่าสุดร่วมมือสถาบันชั้นนำอย่าง ฮาร์วาร์ด และ เอ็มไอที ด้วยการเชื่อมองค์ความรู้ระดับโลก และสานความร่วมมือ ดึงองค์ความรู้จากสถาบันระดับโลกมาวางโรดแมปอนาคตการวิจัยและการรักษา
ในประเทศไทย พร้อมปูทางสร้างเศรษฐกิจสุขภาพ (Health & Wellness Economy) ปูทางไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพของเอเชียในอนาคต และสร้าง Real World Impact ในด้านสุขภาพ
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า โลกของการแพทย์และการดูแลสุขภาพกำลังเข้าสู่ยุค Medical Disruption ซึ่งมีแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจาก AI, Big Data เทคโนโลยี ชีวภาพ การแพทย์แม่นยำ และนวัตกรรมดิจิทัล ประเด็นการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ใช่แค่การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ แต่คือการเปลี่ยนผ่านทั้งแนวคิด วิธีรักษา โครงสร้างของระบบสุขภาพ ไปจนถึงการกำหนดนโยบายและการจัดสรรทรัพยากรทางการแพทย์ และเมื่อผนวกกับความท้าทายของการเข้าสู่สังคมสูงอายุ ยิ่งทำให้ระบบสุขภาพแบบเดิม อาจไม่ตอบโจทย์อนาคตอีกต่อไป มหาวิทยาลัยมหิดล จึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ พร้อมสร้างโอกาสให้ประเทศไทยในอนาคต
เพื่อเดินหน้าแผน Medical Disruption ของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่มีเป้าหมายในการยกระดับระบบสุขภาพของประเทศไทยภายใต้ยุทธศาสตร์ปี 2569 ของมหาวิทยาลัย ล่าสุด คณะผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยมหิดล ประกอบด้วย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง ได้แก่ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ หม่อมหลวงชาครีย์ กิติยากร รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายวิจัย รองศาสตราจารย์ ดร.นภเรณู สัจจรักษ์ ธีระฐิติ รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และสภามหาวิทยาลัย และ รองศาสตราจารย์ ดร.วิชิตา รักธรรม รองอธิการบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ ได้เดินทางไปเยือนมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard), สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT), สถาบันการแพทย์ชั้นนำ และไมโครซอฟท์เบอร์ลิงตัน (Microsoft Burlington) รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา มีวัตถุประสงค์สำคัญในการขยายเครือข่ายความร่วมมือ ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ การแพทย์ และนวัตกรรมขั้นสูง เพื่อสร้าง "มาตรฐานระบบสุขภาพโลกยุคใหม่"
“การเดินทางเยือนมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (เอ็มไอที) สถาบันด้านการแพทย์ชั้นนำ และไมโครซอฟท์เบอร์ลิงตันในครั้งนี้ นอกจากการศึกษาดูงานแล้วยังมีวัตถุประสงค์
ในการยกระดับความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยมหิดลกับสถาบันชั้นนำที่มีอยู่เดิมให้ก้าวไปสู่มิติใหม่ที่ลึก สร้างสรรค์ และสร้าง Real World Impact ที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยการเยือนครั้งนี้มุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ
ในหลากหลายมิติ อาทิ ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการวิจัยสุขภาพการแพทย์แปลผล (Translational Medicine)
การฝึกอบรมทางการแพทย์ด้วยระบบจำลองสถานการณ์ เทคโนโลยีโปรตอนเธอราปี (Proton Therapy)
และเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการวิจัยและนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมสำรวจแนวทางความร่วมมือที่เป็นไปได้ในอนาคต”
โดยทั้ง มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (เอ็มไอที) ได้มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อระบบสุขภาพในอนาคต โดยใช้จุดแข็ง ที่โดดเด่นของแต่ละสถาบันมาผสมผสานกัน โดย มหาวิทยาลัยมหิดล มีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ และสาธารณสุขเชิงปฏิบัติ เชื่อมโยงการเรียนการสอน การวิจัย และการให้บริการทางการแพทย์เข้าด้วยกัน ผ่านโรงพยาบาลขนาดใหญ่และเครือข่ายบริการสุขภาพที่ครอบคลุมประชากรหลากหลายกลุ่ม ทำให้มหิดลมีข้อมูลและโจทย์ระบบสุขภาพที่เกิดขึ้นจริงในระดับประชากร ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นฐานสำหรับการออกแบบนโยบาย การพัฒนานวัตกรรม และการทดลองแนวคิดใหม่ร่วมกับมหาวิทยาลัยระดับโลก ขณะที่ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มีความแข็งแกร่งด้านการแพทย์เชิงวิชาการ การวิจัยระดับโลก นโยบายสาธารณสุข การแพทย์แม่นยำ และการแปลงองค์ความรู้สู่ข้อเสนอเชิงนโยบายและแนวปฏิบัติที่สามารถสร้างการ ปลี่ยนแปลงเชิงระบบได้ในวงกว้าง ซึ่งเป็นจุดแข็งในการพัฒนาระบบสุขภาพที่ยั่งยืนในระยะยาว เอ็มไอที มีความโดดเด่นด้านวิศวกรรม เทคโนโลยี นวัตกรรม AI
ทางการแพทย์ และการออกแบบเชิงระบบ ซึ่งสามารถแปลงองค์ความรู้จากห้องปฏิบัติการไปสู่เทคโนโลยีที่ใช้งาน ได้จริง
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร กล่าวต่อว่า ในการพบปะกับผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และนวัตกรรมชั้นสูงจากทั้ง 2 สถาบัน ได้มีการหารือถึงความก้าวหน้าทางการแพทย์ระดับโลกใน 4 ด้านสำคัญ ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่กำลังจะพลิกโฉมการแพทย์ในทศวรรษหน้า ได้แก่
1. การปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) คณะได้หารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกถ่ายอวัยวะระดับโลกจาก Massachusetts General Hospital (MGH) โดยเฉพาะ Dr. Leonardo Riella แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกถ่ายไต เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับ Xenotransplantation ซึ่งเป็นทิศทางสำคัญในการแก้ปัญหาการขาดแคลนอวัยวะ
2. โปรตอนเธอราปี (Proton Therapy) คณะผู้บริหารได้เข้าเยี่ยมชม MGH และหารือกับ Dr. Thomas Bortfeld และ Dr. Susu Yan เกี่ยวกับวิวัฒนาการ, โมเดลการลงทุน, และเทคโนโลยีโปรตอนรุ่นใหม่ ที่มีขนาดกะทัดรัดและต้นทุนต่ำ เพื่อเป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผนจัดตั้ง "Thailand Proton Center" เพื่อยกระดับการรักษามะเร็งของประเทศไทย
3. นวัตกรรม Medical AI คณะยังได้เยือน Nuance Experience Center ของ Microsoft Burlington
เพื่อศึกษาบทบาทของปัญญาประดิษฐ์ในการยกระดับความแม่นยำในการวินิจฉัยและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการระบบบริการสุขภาพ
4. Advanced Therapy Medicinal Products (ATMP) ได้เข้าพบ Dr. Stacy Springs Executive Director, MIT Center for Biomedical Innovation (CBl) Michael Birnbaum Associate Professor of Biological Engineering, SMART CAMP lead PI ในการหารือถึงความก้าวหน้าของการ Multiple Myelomaตลอดจนแนวทางการพัฒนางานวิจัย การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์เชิงคลินิกในอนาคต Laurie Boyer (MSCs) Professor of Biology and Biological Engineering และ Jianzhu Chen Professor of Biology, Massachusetts Institute of Technology เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองด้านนวัตกรรม งานวิจัยขั้นสูง และความก้าวหน้าด้านการวิจัยชีวการแพทย์และภูมิคุ้มกันบำบัด
ในโอกาสนี้ยังได้เยือน Cambridge Innovation Center (CIC) ซึ่งเป็นศูนย์กลางระบบนิเวศนวัตกรรม ระดับโลก เพื่อศึกษารูปแบบความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย, สตาร์ทอัพ และภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงการหารือร่วมกับMIT Sloan School of Management Executive Education ในการผลักดันและพัฒนาหลักสูตรร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยมหิดล และ MIT ที่จะมุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพผู้นำทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนอนาคตใหม่ทางเศรษฐกิจของประเทศที่จะสร้างโอกาสให้ประเทศไทยทั้งในด้านเทคโนโลยี และการแพทย์ในทศวรรษหน้า ต่อยอดจากความร่วมมือในการพัฒนาหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง “Strategy & Innovation for Businesses in Asia (SIBA)” ระหว่างวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล และ MIT Sloan School of Management Executive Education ที่เข้าสู่ปีที่ 12 ในการยกระดับกลยุทธ์และนวัตกรรมสู่เวทีโลก
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ได้เข้าร่วมกิจกรรมการนำเสนอผลงาน 2.009 – Product Engineering Process ของ Mechanical Engineering Design ร่วมกับ MIT President, Sally Kornbluth และ Professor Maria C. Yang Interim Dean of the School of Engineering เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการจัดการเรียนการสอนที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ภายใต้แนวคิด Empowering the Learner ของมหาวิทยาลัยมหิดล
ทั้งยังได้เยือน Harvard School of Public Health เพื่อหารือการจัด Global AI Hackathon และงานวิจัยระบบสุขภาพ รวมถึงเข้าร่วมประชุมกับ Harvard-Yenching Institute เพื่อผสานองค์ความรู้ด้านสังคม-วัฒนธรรม เข้ากับวิทยาศาสตร์สุขภาพ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการแพทย์เชิงรอบด้าน
“การเยือนครั้งนี้ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาระบบการรักษาที่ทันสมัยที่สุด ได้อย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่การปลูกถ่ายอวัยวะ การผลิตยาเซลล์และยีนรุ่นใหม่ การรักษามะเร็งด้วยความแม่นยำสูง ไปจนถึงการใช้ AI เพื่อลดภาระงานบุคลากรทางการแพทย์ ถือเป็นก้าวสำคัญของการปูทางไปสู่ความร่วมมือระยะยาว ทั้งเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือการเปลี่ยนผ่านของระบบสุขภาพ ควบคู่กับการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ และผู้นำด้าน Wellness Economy ของเอเชียในอนาคต อีกทั้งยังเป็นโอกาสสำคัญในการตอกย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยมหิดลในฐานะผู้ร่วมกำหนดทิศทางอนาคตด้านการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจสุขภาพในระดับภูมิภาคและระดับโลก” ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร กล่าวทิ้งท้าย
