ภาวะกระดูกพรุน (Osteoporosis) เป็นปัญหาสุขภาพที่พบมากขึ้นเรื่อย ๆ ในกลุ่มผู้สูงอายุ และแม้จะมีภาพจำว่าเป็น “โรคของผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน” แต่ ในความเป็นจริงผู้ชายเองก็มีความเสี่ยงไม่แพ้กัน
ข้อมูลนี้ได้รับการเปิดเผยโดย นพ. ศรัณย์จินดาหราแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังซึ่งระบุว่า “ในผู้ที่อายุมากกว่า 80 ปี พบว่าผู้ชายและผู้หญิงมีอัตราการหักจากโรคกระดูกพรุนใกล้เคียงกันคือ 50:50 แต่ในความเป็นจริง กลับพบว่าผู้ชายส่วนใหญ่มักไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างจริงจัง เพราะคิดว่าโรคนี้ไม่เกี่ยวกับตัวเอง”
ผู้ชายก็เป็นโรคกระดูกพรุนได้จริงหรือ?
นพ.ศรัณย์ จินดาหรา แพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและข้อ เผยว่า ผู้ชายมีความเสี่ยงเรื่องภาวะกระดูกพรุนและควรตระหนัก และอธิบายว่า แม้ผู้ชายจะมีฮอร์โมน แอนโดรเจน (Androgen) ซึ่งช่วยสร้างมวลกระดูกได้มากในช่วงวัยกลางคน จึงทำให้เข้าสู่ภาวะกระดูกพรุนช้ากว่าผู้หญิงเฉลี่ย 10 ปี แต่สุดท้ายเมื่ออายุมากขึ้น เซลล์ที่ควบคุมสมดุลกระดูกเริ่มทำงานผิดปกติ โดยเฉพาะการทำงานของเซลล์ที่เกี่ยวกับกระดูก เนื่องจากร่างกายมีเซลล์ 2 ชนิดที่ทำหน้าที่ตรงข้ามกัน คือ เซลล์สร้างกระดูก (Osteoblast) และเซลล์สลายกระดูก (Osteoclast) เมื่ออายุมากขึ้น การสร้างกระดูกจะลดลง ขณะที่การสลายยังคงดำเนินต่อไป นำไปสู่ภาวะที่มวลกระดูกค่อย ๆ ลดลงเรื่อยๆ จนเสี่ยงต่อการหักหรือยุบตัวของกระดูกโดยเฉพาะ “กระดูกสันหลัง”
“กระดูกสันหลังเป็นจุดรับน้ำหนักของร่างกาย เมื่อมวลกระดูกลดลง ความแข็งแรงก็ลดตาม ส่งผลให้กระดูกสันหลัง ยุบตัว หรือผิดรูป ได้ง่าย ทำให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง หรือแม้แต่เดินไม่ได้ในรายที่กระดูกหักและไปกดทับเส้นประสาท” นพ.ศรัณย์กล่าว

จะรู้ได้อย่างไรว่ามีภาวะกระดูกพรุน
การตรวจมวลกระดูกด้วยเครื่อง DEXA Scan (Dual-Energy X-ray Absorptiometry) เป็นวิธีมาตรฐานที่สามารถวินิจฉัยภาวะกระดูกพรุนได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ใช้เวลาเพียง 15–20 นาที ไม่เจ็บตัว และไม่ต้องเตรียมร่างกายใด ๆ
กลุ่มที่ควรได้รับการตรวจ:
- ผู้หญิงอายุ 65 ปีขึ้นไป
- ผู้ชายอายุ 70 ปีขึ้นไป
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น: หลังค่อม ส่วนสูงลดลง น้ำหนักน้อย (BMI < 20) สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือกาแฟมากกว่า 400 มก./วัน ใช้ยาสเตียรอยด์ติดต่อกันนาน มีประวัติครอบครัวกระดูกหักจากอุบัติเหตุไม่รุนแรง
ดังนั้น การตรวจมวลกระดูกจะช่วยให้รู้เท่าทันก่อนที่กระดูกจะหักหรืออาการปวดหลังจากภาวะกระดูกพรุน เพื่อเริ่มดูแลรักษาได้ทันเวลาและป้องกันความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรง
การรักษาอาการปวดหลังจากภาวะกระดูกพรุนมีหลายแนวทาง ขึ้นอยู่กับอาการและผลการตรวจอย่างละเอียดโดยแพทย์เฉพาะทาง ระยะเริ่มต้น: ใช้ยาเพื่อเพิ่มมวลกระดูก ร่วมกับการออกกำลังกายเฉพาะส่วน เช่น การบริหารกล้ามเนื้อหลัง
กรณีกระดูกยุบหรือหักเฉียบพลัน: แพทย์จะพิจารณารักษาด้วยหัตถการ เช่น การฉีดการ Bone Cement เพื่อเติมและยึดโครงสร้างกระดูก ลดการปวด และป้องกันการทรุดตัวเพิ่ม
ป้องกันและเสริมความแข็งแรงกระดูกด้วยอาหาร
สำหรับโภชนาการที่เหมาะสม ที่จะช่วยชะลอการสูญเสียมวลกระดูก และลดความเสี่ยงของกระดูกหัก นพ. ศรัณย์ จินดาหรา แนะนำว่า ในแต่ละช่วงวัยควรได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสมและเพียงพอ และควรได้รับจากอาหารเป็นหลัก เช่น นม ปลาเล็กปลาน้อย เต้าหู้ ถั่ว งาดำ ฯลฯ อายุต่ำกว่า 50 ปี: ควรได้รับ แคลเซียม 800 มก./วัน อายุ 50 ปีขึ้นไป หรือหญิงวัยหมดประจำเดือน: แคลเซียม 1,000 มก./วัน และหากเสริมด้วยอาหารเสริมแคลเซียม: ก็ไม่ควรเกิน 1,500 มก./วัน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
โรคกระดูกพรุนในผู้ชาย อาจเป็น “ภัยเงียบ” ที่ถูกมองข้ามมานาน ทั้งที่มีความเสี่ยงไม่แพ้ผู้หญิง และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมากหากปล่อยให้กระดูกหักหรือทรุดโดยไม่รู้ตัว การตรวจวินิจฉัยแต่เนิ่น ๆ จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้เริ่มดูแลสุขภาพกระดูกให้แข็งแรงด้วย ที่ โรงพยาบาลเอส เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและข้อ มีบริการตรวจมวลกระดูกด้วย เครื่องมือที่มีมาตรฐานสากลและทันสมัย โดยแพทย์เฉพาะทาง และพร้อมให้คำแนะนำเชิงลึกทั้งในด้านการป้องกัน การเสริมโภชนาการ และแนวทางดูแลที่เหมาะสม

