พฤศจิกายน เดือนแห่งการรณรงค์ต้านภัยมะเร็งปอด มะเร็งปอด ภัยเงียบกว่าที่คุณคิด

www.medi.co.th

  “มะเร็งปอด” โรคร้ายที่มักตรวจพบเจอเมื่อมีอาการและโรคเข้าสู่ระยะลุกลามทำให้อัตราการเสียชีวิตสูง บุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า ควันบุหรี่มือสอง งานที่ต้องสัมผัสสารก่อมะเร็ง พันธุกรรมมีความเสี่ยง รวมถึงการดำเนินชีวิตท่ามกลางมลพิษและฝุ่น PM 2.5 ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอด 


    นายแพทย์สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า มะเร็งปอด หนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตมากที่สุดของคนไทย จากรายงานของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ปี 2566 พบผู้ป่วยรายใหม่ 20,659 รายต่อปี เสียชีวิต 15,022 รายต่อปี เนื่องในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็นเดือนแห่งการรณรงค์ต้านภัยมะเร็งปอด เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้ตระหนักรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโรคมะเร็งปอดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากปอดเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่ในการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์จากเลือดและสิ่งแวดล้อม การสูญเสียการทำงานของอวัยวะนี้ อย่างเช่นมะเร็งปอดมีอันตรายต่อชีวิตสูง มะเร็งปอดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ด้วยกัน ได้แก่ มะเร็งชนิดเซลล์ขนาดเล็ก (Small Cell Lung Cancer) พบได้ประมาณร้อยละ 10-15  และมะเร็งชนิดเซลล์ไม่ใช่ขนาดเล็ก (Non-Small Cell Lung Cancer) พบได้ประมาณร้อยละ 85-90 ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งปอดในประเทศไทย คือ การสูบบุหรี่หรือการรับควันบุหรี่มือสอง และการสัมผัสสารก่อมะเร็งต่าง ๆ ได้แก่ รังสี ควันธูป ฝุ่นไม้ แร่ใยหิน หรือก๊าซเรดอน (เกิดจากการสลายตัวของธาตุเรเดียมซึ่งนำมาใช้ก่อสร้างอาคารบ้านเรือน) รวมถึงมลภาวะทางอากาศต่าง ๆ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เรืออากาศเอกนายแพทย์สมชาย ธนะสิทธิชัย ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพและความคุ้มค่าเพียงพอในระดับประชากร แต่มีคำแนะนำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งปอดเข้ารับการตรวจคัดกรอง ด้วยเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้ปริมาณรังสีต่ำ (Low-dose CT scan) อย่างไรก็ตาม การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวข้างต้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด เพื่อลดโอกาสการเกิดโรคลง อาการแสดงที่มักพบบ่อยของมะเร็งปอด ได้แก่ อาการผิดปกติของการทำงานของปอด เช่น ไอเรื้อรัง นานกว่า 2 สัปดาห์ ไอมีเสมหะปนเลือด หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ มีเสียงหวีด ปอดติดเชื้อบ่อยหรือเรื้อรัง นอกจากนี้ ยังอาจจะมีอาการอื่น ๆ เช่น เสียงแหบ เจ็บหน้าอกหรือหัวไหล่ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ อย่างไรก็ตาม อาการต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้เป็นอาการที่เฉพาะเจาะจงกับมะเร็งปอดเท่านั้น อาจพบในโรคอื่น ๆ ได้ ดังนั้นหากมีอาการผิดปกติผู้ป่วยควรรีบปรึกษาแพทย์


 


แพทย์หญิงณัษฐา พิภพไชยาสิทธิ์  แพทย์เฉพาะทางสาขาอายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า วิธีการตรวจวินิจฉัยหลักของมะเร็งปอด ประกอบไปด้วยการถ่ายภาพรังสี (เช่น เอ็กซเรย์ปอด เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์) ร่วมกับการตรวจหาเซลล์มะเร็งโดยการตัดชิ้นเนื้อมาตรวจเพื่อยืนยันโรค นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีการตรวจชิ้นเนื้อทางพันธุศาสตร์เพิ่มเติม (Molecular Genetic Testing) เพื่อบ่งชี้ถึงความรุนแรงของโรคและเป็นแนวทางเลือกการรักษาให้มีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น การรักษาต้องพิจารณาจากองค์ประกอบหลายอย่าง ได้แก่ ชนิดของเซลล์มะเร็ง ระยะของโรค รวมถึงสภาวะความแข็งแรงของผู้ป่วย โดยการรักษาในปัจจุบัน ประกอบไปด้วย การผ่าตัด การฉายรังสี และ/หรือ การรักษาด้วยยา ไม่ว่าจะเป็นยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า หรือ ยากระตุ้นภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งอาจต้องใช้การรักษาร่วมกันหลายวิธี ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบที่เกี่ยวกับโรคและปัจจัยของผู้ป่วยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี โดยคำนึงถึงคุณภาพขีวิต ของผู้ป่วยเป็นสำคัญ


            มะเร็งปอดถือเป็นมะเร็งที่มีความสำคัญและมีความรุนแรงของโรคค่อนข้างมากส่งผลกระทบต่อชีวิตสูง อีกทั้งการตรวจคัดกรองเพื่อค้นหามะเร็งในระยะแรกค่อนข้างลำบากทำให้ประสิทธิภาพของการรักษานั้นมีข้อจำกัด ทางที่ดีที่สุดคือควรมุ่งเน้นการป้องกันมากกว่าการรักษา โดยสาเหตุหลักที่สำคัญของการเกิดมะเร็งปอดนั้นเกิดจากบุหรี่ จึงควรหยุดสูบบุหรี่หรือหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดผู้ที่สูบบุหรี่ อยู่อาศัยในสถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศภายในบ้านและที่ทำงาน สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายหากต้องสัมผัสกับปัจจัยเสี่ยงหรือต้องปฏิบัติงานในสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายและหมั่นตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการหาความรู้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ผ่านทาง Facebook : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ National Cancer Institute  และ  Line : NCI รู้สู้มะเร็ง