
กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กเด็กแห่งชาติมหาราชินี เผย โรคมะเร็งในเด็กเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลให้กับผู้ปกครอง แต่การทำความเข้าใจและเรียนรู้เกี่ยวกับมะเร็งจะช่วยให้สามารถเฝ้าระวังและรับมือได้อย่างทันท่วงที การตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้
นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคมะเร็งในเด็กเป็นหนึ่งในสาเหตุ การเสียชีวิตของเด็กทั่วโลก ซึ่งโรคมะเร็งในเด็กมีความแตกต่างจากมะเร็งในผู้ใหญ่ โดยโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดคือ มะเร็งเม็ดเลือดขาว เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือดขาวในไขกระดูก ทำให้มีการสร้างเม็ดเลือดขาวที่ผิดปกติและไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ส่งผลให้ติดเชื้อง่าย เลือดออกง่ายผิดปกติ และมีภาวะซีด อาการที่พบบ่อยได้แก่ มีไข้สูงเรื้อรัง ซีด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย มีจุดจ้ำเลือดตามร่างกาย และต่อมน้ำเหลืองโต รองลงมาคือ มะเร็งสมองและระบบประสาทมีหลากหลายชนิดตามตำแหน่งที่เกิด อันดับที่ 3 คือ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งมีความแตกต่างกันในด้านพยาธิสภาพ สำหรับอันดับที่ 4 คือ มะเร็งต่อมหมวกไต มักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และอันดับที่ 5 คือ มะเร็งกระดูก ซึ่งมะเร็งในแต่ละชนิดล้วนมีอาการและแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน สิ่งที่ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญคือการสังเกตอาการผิดปกติของเด็กอย่างใกล้ชิด

นายแพทย์อาคม ชัยวีระวัฒนะ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่าอาการบางอย่างของมะเร็งในเด็กอาจคล้ายคลึงกับโรคอื่น ๆ ทั่วไป เช่น ไข้ ซีด หรือมีจ้ำเลือดตามตัวโดยไม่ทราบสาเหตุ ปวดศีรษะ ร่วมกับอาเจียน พบก้อนผิดปกติที่คอ หรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย และปวดกระดูกอย่างรุนแรงจนเดินไม่ได้ อาการเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณเตือนที่อาจบ่งบอกถึงโรคมะเร็งได้ หากพบอาการน่าสงสัยควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด เพราะการตรวจพบมะเร็งในระยะเริ่มต้นจะช่วยให้การรักษาได้ผลดีขึ้นและเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตของเด็กให้สูงที่สุด การป้องกันมะเร็งในเด็กทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากมะเร็งในเด็กส่วนใหญ่มักเกิดจาก ความผิดปกติของพันธุกรรมตั้งแต่แรกเกิด อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของเด็กให้แข็งแรง เพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกบางอย่าง เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการพาไปฉีดวัคซีนตามกำหนด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของเด็กอย่างสม่ำเสมอ หากพบสัญญาณอันตรายใด ๆ ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที ได้แก่ มีไข้สูงเรื้อรัง หายช้า หรือเป็น ๆ หาย ๆ ซีดลง มีจุดจ้ำเลือดตามตัวผิดปกติ มีก้อนเนื้อผิดปกติ ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ก้อนที่คอ รักแร้ ขาหนีบ หรือท้อง ปวดกระดูกรุนแรง หรือปวดจนไม่สามารถเดินได้ มีอาการทางระบบประสาท เช่น เดินเซ อาเจียนบ่อย ๆ ปวดศีรษะอย่างรุนแรง หรือชัก ตาเหล่ หรือรูม่านตามีสีขาวผิดปกติ อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนที่ผู้ปกครองไม่ควรมองข้าม เพราะหากตรวจพบและรักษาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ โอกาสที่เด็กจะหายขาดจากโรคมะเร็งมีสูงถึง 70-80% เลยทีเดียว การดูแลเอาใจใส่จึงเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดให้กับลูกน้อย



