
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พบผู้อำนวยการใหญ่ WHO ยินดีสนับสนุนการระดมทุน และส่งบุคลากรไปปฏิบัติงาน สำนักงานองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย และสำนักงานใหญ่องค์การอนามัยโลก ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เพื่อรับมือความท้าทายสุขภาพโลก พร้อมร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ยุทธศาสตร์การจัดการโรคไม่ติดต่อ “Good health at low cost” และการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุ กับประเทศศรีลังกา
นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในห้วงของการประชุมคณะกรรมการองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 78 ที่ กรุงโคลัมโบ สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ตนพร้อมคณะผู้บริหาร ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานของ Dr. Nalinda Jayatissa (นพ.นาลินดา ชายะติสสะ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและสื่อสารมวลชน สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ใน 2 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1.การจัดการโรคไม่ติดต่อ ซึ่งการบริการปฐมภูมิของศรีลังกามีความก้าวหน้าและได้รับการยอมรับในประชาคมโลกว่ามีประสิทธิภาพสูงแต่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ไม่มาก (Good health at low cost) ทั้งนี้ ตนยังได้สะท้อนถึงการดำเนินงานของประเทศไทยที่ให้ความสำคัญกับโรคไม่ติดต่อเป็นวาระแห่งชาติ เพราะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตกว่า 81% ของคนไทยทั้งหมด โดยไทยมีระบบบริการที่ครอบคลุมการป้องกันและจัดการโรคตลอดช่วงชีวิต มีการบูรณาการแผนการส่งเสริมและป้องกัน การปรับระบบบริการ การสนับสนุนการจัดการตนเอง และระบบสนับสนุนการตัดสินใจและสารสนเทศ รวมทั้งไทยและศรีลังกา กำลังจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะความมั่นคงด้านยาและเวชภัณฑ์ และการจัดหายาเวชภัณฑ์ที่จำเป็น ซึ่งศรีลังกาแสดงความสนใจในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้ในการส่งเสริมการวิจัยและการพัฒนาอุตสาหกรรมยาที่จำเป็นร่วมกันต่อไป นอกจากนี้ศรีลังกาได้แสดงความขอบคุณที่คณะแพทย์ไทยจาก รพ.ศิริราช ที่จะมาสนับสนุนการรักษาผ่าตัดข้อ ให้กับผู้ป่วยชาวศรีลังกา 80 ราย ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2568
2.การดูแลระยะยาว (Long - term Care) สำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งศรีลังกามีความเข้มแข็งมากทั้งในเรื่องการสร้างเสริมสุขภาวะผู้สูงวัยและระบบสุขภาพปฐมภูมิ ชาวศรีลังกามีอายุขัยเฉลี่ยแรกเกิดมากถึง 77.5 ปี ในปี 2566 ขณะที่อายุขัยเฉลี่ยแรกเกิดของคนไทยอยู่ที่ 75.6 ปี โดยตนได้สะท้อนถึงการดำเนินงานของประเทศไทยที่มีการพัฒนาระบบการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุ จากการมีกองทุน Long Term Care ภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดย อปท. เข้ามามีบทบาทสำคัญในพื้นที่ รวมทั้งพัฒนาอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุในระดับชุมชน บูรณาการเชิงระบบของการดูแลระยะยาวเข้ากับระบบสาธารณสุขระดับปฐมภูมิอย่างเป็นรูปธรรม
นายพัฒนากล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังได้หารือทวิภาคีกับ Dr. Tedros Adhanom Ghebreyesus ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก พร้อมด้วย Dr.Catherina Boehme รักษาการผู้อำนวยการอง๕การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเด็นการสนับสนุนการระดมทุนสำหรับแผนการดำเนินงานขององค์การอนามัยโลก (WHO Investment Round) ระยะ 4 ปี และการส่งข้าราชการของไทยไปปฏิบัติงานที่องค์การอนามัยโลก ซึ่งประเทศไทยยินดีสนับสนุนทั้งการระดมทุน ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาบริจาคเงินให้กับ WHO จำนวน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อให้การป้องกันโรคส่งเสริมสุขภาพเป็นไปได้ตามหลักวิชาการที่เหมาะสม และการส่งบุคลากรไปปฏิบัติงานที่ สำนักงานองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย และสำนักงานใหญ่องค์การอนามัยโลก ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ปีละ 5 คน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขด้วย