
รพ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เผยผลศึกษาพบ "ภาวะทุพโภชนาการ" เพิ่มความเสี่ยงเกิดภาวะตับอักเสบจากยารักษาวัณโรค โดยค่าโปรตีนในเลือดต่ำกว่า 2.5 กรัม/เดซิลิตร เสี่ยงเพิ่มขึ้น 7 เท่า ค่า BMI ต่ำกว่า 18.5 เสี่ยงเพิ่ม 4.85 เท่า ฮีโมโกลบินต่ำกว่า 11 กรัม/เดซิลิตร เสี่ยงเพิ่ม 3.78 เท่า ส่วนเพศชาย ดื่มสุรา สูบบุหรี่ เป็นปัจจัยร่วมทำให้ความเสี่ยงเพิ่ม เสนอตรวจภาวะโภชนาการก่อนให้ยา พร้อมเสริมโภชนาการระหว่างรักษา ช่วยกระตุ้นคนไข้กินยาครบคอร์ส
พญ.สุภาภรณ์ เอี้ยงกูล อายุรแพทย์ โรงพยาบาลลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ กล่าวถึงผลการศึกษาเรื่อง "ผลของภาวะทุพโภชนาการต่อการเกิดตับอักเสบในผู้ป่วยวัณโรคที่ได้รับยาต้านวัณโรคขนานที่ 1" ในงานประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี 2568 ว่า วัณโรคยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย การรักษาจะใช้ยาต้านวัณโรคขนานที่ 1 ซึ่งแม้มีประสิทธิภาพสูง แต่มีผลข้างเคียงอาจทำให้เกิดตับอักเสบจากยา โดยพบได้ 5-20% ซึ่งการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงจะนำไปสู่การหยุดยา รักษาไม่ครบ เกิดการดื้อยา และต้องเพิ่มระยะเวลาการรักษามากขึ้น นอกจากนี้ ผู้ป่วยวัณโรคยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะทุพโภชนาการจากตัวโรคทำให้คนไข้กินไม่ได้ รวมถึงส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่มีเศรษฐานะไม่ดีทำให้เกิดภาวะทุพโภชนาการเช่นกัน โดยพบว่าทั้งการขาดโปรตีนและธาตุเหล็กอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อพิษของยาได้
พญ.สุภาภรณ์กล่าวต่อว่า จากการศึกษาความสัมพันธ์ของค่าดัชนีมวลกาย (BMI), Serum Albumin ที่เป็นโปรตีนชนิดหลักในเลือดช่วยรักษาสมดุลของเหลวในร่างกาย และฮีโมโกลบินหรือภาวะซีด กับระดับความรุนแรงของการเกิดตับอักเสบจากยาต้านวัณโรค รวมถึงอิทธิพลของเพศ อายุ โรคประจำตัว การดื่มสุรา และการสูบบุหรี่ด้วย โดยเก็บข้อมูลจากเวชระเบียนผู้ป่วยวัณโรค โรงพยาบาลลำปลายมาศ เดือนตุลาคม 2565-กันยายน 2567 จำนวน 540 ราย แบ่งเป็น กลุ่มที่เกิดตับอักเสบ 230 ราย และกลุ่มที่ไม่มีภาวะตับอักเสบ 310 ราย ทำการศึกษาเชิงวิเคราะห์แบบย้อนหลัง พบว่า กลุ่มที่เกิดภาวะตับอักเสบมีภาวะโภชนาการต่ำกว่ากลุ่มที่ไม่มีภาวะตับอักเสบอย่างมีนัยสำคัญ คือมีค่าเฉลี่ย BMI, Serum Albumin และฮีโมโกลบินน้อยกว่า โดยผู้ที่มี Serum Albumin น้อยกว่า 2.5 กรัม/เดซิลิตร เสี่ยงเกิดภาวะตับอักเสบมากกว่าปกติ 7.03 เท่า ค่า BMI น้อยกว่า 18.5 กิโลกรัมต่อต่อตารางเมตร เพิ่มความเสี่ยง 4.85 เท่า ฮีโมโกลบินน้อยกว่า 11 กรัมต่อเดซิลิตร เพิ่มความเสี่ยง 3.78 เท่า นอกจากนี้ ยังพบว่าเพศชาย อายุมากกว่า 50 ปี การดื่มสุรา และการสูบบุหรี่ ยังเป็นปัจจัยร่วมที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดตับอักเสบด้วย โดยเพศชายมีความเสี่ยงมากกว่า 2 เท่า การดื่มสุราเพิ่มความเสี่ยง 1.9 เท่า และการสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยง 1.7 เท่า
"ภาวะทุพโภชนาการถือว่าส่งผลต่อการเกิดตับอักเสบในผู้ปวยวัณโรคที่ได้รับยาต้านวัณโรคขนานที่ 1 จึงมีข้อเสนอว่า ควรมีการประเมินภาวะโภชนาการก่อนเริ่มยารักษาผู้ป่วย เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา และให้มีการเจาะเลือดตรวจโภชนาการ โดยอาจบรรจุเป็นแนวปฏิบัติมาตรฐานงานวัณโรคของกรมควบคุมโรค ส่วนการดูแลรักษาผู้ป่วยวัณโรคที่มีภาวะทุพโภชนาการ โรงพยาบาลได้ให้อาหารเสริมหรือโภชนบำบัดควบคู่กับการให้ยา พบว่าทำให้คนไข้ดีขึ้น สภาพร่างกายแข็งแรง และกลับมาทำงานได้ ซึ่งการดูแลเรื่องโภชนาการมีความคุ้มค่ามากกว่าการมารักษาภาวะตับอักเสบภายหลัง และการมีโภชนาการที่ดียังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ป่วยกินยาได้ครบคอร์ส" พญ.สุภาภรณ์กล่าว