
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการสาธารณสุขไทย ด้วยการได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน "โรงพยาบาลเฉพาะทางที่ดีที่สุดของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Best Specialized Hospitals Asia-Pacific 2025)" โดยนิตยสาร Newsweek ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านโรคมะเร็งของกระทรวงสาธารณสุขไทยได้รับเกียรติอันทรงคุณค่าระดับนานาชาตินี้
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลไทยมุ่งยกระดับระบบบริการสุขภาพ ให้ได้มาตรฐานสากลเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชนและขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภายใต้กรอบดังกล่าว กรมการแพทย์ได้ขับเคลื่อนการพัฒนาความก้าวหน้าทางการแพทย์อย่างรอบด้าน ทั้งการลงทุนในเทคโนโลยีที่สมัยใหม่ การพัฒนาศักยภาพบุคลากร และการส่งเสริมการวิจัยเชิงนวัตกรรม เพื่อยกระดับโรงพยาบาลในสังกัดให้เป็นต้นแบบการให้บริการที่มีคุณภาพและปลอดภัย ความสำเร็จของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ที่ได้รับการจัดลำดับระดับโลกในครั้งนี้จึงถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความก้าวหน้าและความเป็นเลิศในฐานะโรงพยาบาลเฉพาะทางชั้นนำที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศไทย
เรืออากาศเอกนายแพทย์สมชาย ธนะสิทธิชัย ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า การจัดอันดับ "The Best Specialized Hospitals Asia Pacific" โดยนิตยสาร Newsweek และ Statista ใช้เกณฑ์หลัก 3 ด้านคือ 1) คะแนนชื่อเสียง (Reputation Score) จากการสำรวจออนไลน์จากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขในภูมิภาค 2) การรับรองคุณภาพ (Certifications) พิจารณาจากการได้รับการรับรองจากองค์กรสากล 3) การวัดผลลัพธ์ที่รายงานโดยผู้ป่วย (PROMs - Patient-Reported Outcome Measures) ซึ่งสะท้อนคุณภาพการรักษาจากมุมมองของผู้ป่วยโดยตรง ที่ผ่านมาสถาบันมะเร็งแห่งชาติมุ่งมั่นให้บริการทางด้านโรคมะเร็งด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยโดยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งหลากหลายสาขา ในแต่ละปีมีผู้รับบริการประมาณ 50,000 ราย หรือมากกว่า 270,000 ครั้ง อีกทั้งยังพัฒนาบริการรูปแบบใหม่เพื่อยกระดับการดูแลแบบองค์รวม เช่น การรักษามะเร็งตับระยะลุกลามด้วยสารนิวเคลียร์ที่ปลอดภัยช่วยเพิ่มโอกาสหายขาดและลดผลข้างเคียง การฉายแสงด้วยเครื่อง CyberKnife แทนการผ่าตัด ตลอดจนการดูแลแบบผสมผสานที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ เช่น โครงการใช้สารสกัดว่านหางจระเข้จากองค์การเภสัชกรรมในผู้ป่วยที่ได้รับรังสีรักษาและเคมีบำบัด ขณะเดียวกันสถาบันมะเร็งแห่งชาติยังเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ การวิจัย และฝึกอบรมเฉพาะทางด้านโรคมะเร็งแก่บุคลากรทางการแพทย์ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งยังทำงานร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ องค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อพัฒนาชุดสิทธิประโยชน์ มาตรฐานบริการ การวิเคราะห์ต้นทุน และการเพิ่มประสิทธิภาพระบบสาธารณสุขด้านโรคมะเร็งของประเทศ ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงบทบาทของสถาบันมะเร็งแห่งชาติในฐานะศูนย์กลางความเชี่ยวชาญที่ไม่เพียงยกระดับคุณภาพการรักษาและการดูแลผู้ป่วย แต่ยังเป็นต้นแบบให้โรงพยาบาลอื่น ๆ ได้เรียนรู้และต่อยอดต่อไป
ขอขอบคุณผู้บริหารหน่วยงานพันธมิตรทุกภาคส่วน และประชาชนทุกคนที่ร่วมเป็นพลังสำคัญในการผลักดันและสนับสนุน ให้สถาบันมะเร็งแห่งชาติยืนหยัดเป็นที่พึ่งของผู้ป่วยและระบบสุขภาพตลอดมา
26 สิงหาคม 2568