โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เป็นภาวะที่หลายคนอาจไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเผชิญอยู่ เพราะอาการเริ่มต้นมักดูคล้ายกับความเมื่อยล้าหรือปวดเมื่อยจากการทำงานทั่วไป เช่น ปวดหลัง ปวดร้าวลงขา หรืออาการชาที่ปลายมือปลายเท้า หากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้น เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ชีวิตประจำวันด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะสม เช่น นั่งทำงานหน้าคอมนาน ๆ ยกของผิดท่า หรือแม้กระทั่งจากการเสื่อมของหมอนรองกระดูกตามวัย มาเรียนรู้สาเหตุ อาการ การดูแลตนเอง และแนวทางการรักษาโรคนี้ไปพร้อมกัน เพื่อไม่มองข้ามภัยใกล้ตัวที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน
โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท คืออะไร
โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (herniated disc หรือ slipped disc) คือภาวะที่หมอนรองกระดูกสันหลังเกิดการเคลื่อนตัวหรือยื่นออกมา ทำให้ส่วนที่ยื่นออกมากดทับเส้นประสาทที่อยู่ใกล้ ๆ ทำให้เกิดอาการปวด ชา หรืออ่อนแรงตามแนวเส้นประสาทที่ถูกกดทับ บริเวณที่พบบ่อยที่สุดคือบริเวณเอว (L4-L5, L5-S1) ซึ่งเชื่อมต่อกับขา ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวดหลังร้าวลงขา
โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เกิดจากอะไร
สาเหตุของโรคนี้มีหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น
- ความเสื่อมตามวัย เมื่ออายุมากขึ้น หมอนรองกระดูกจะสูญเสียความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้น ทำให้เปราะและฉีกขาดได้ง่าย
- การใช้งานที่ผิดวิธี การนั่งหรือยืนในท่าที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน การยกของหนัก หรือการบิดตัวซ้ำ ๆ สามารถเพิ่มแรงกดทับบนหมอนรองกระดูกและเส้นประสาทได้
- อุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บ แรงกระแทกอย่างรุนแรงจากอุบัติเหตุ เช่น การหกล้มหรืออุบัติเหตุทางรถยนต์ อาจทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือแตกได้
- น้ำหนักตัวมากเกินไป ความอ้วนทำให้เกิดแรงกดทับมากขึ้นบนกระดูกสันหลังและหมอนรองกระดูก เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้
อาการโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เป็นอย่างไร
โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท มีอาการที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและระดับของการกดทับเส้นประสาท โดยอาการหลักที่พบบ่อย ได้แก่
1. ปวดร้าวตามแนวเส้นประสาท
- หากหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทบริเวณหลังส่วนล่าง ผู้ป่วยมักรู้สึกปวดร้าวจากสะโพกลงไปถึงขา น่อง หรือเท้า ซึ่งอาจเกิดขึ้นเพียงข้างเดียว
- หากเกิดที่บริเวณคอ อาการปวดอาจเริ่มจากคอ ร้าวไปที่ไหล่ แขน หรือมือ
2. อาการชา หรือความรู้สึกซ่า
- ผู้ป่วยอาจรู้สึกชาหรือซ่าในบริเวณที่เส้นประสาทถูกกดทับ เช่น ชาที่ขา เท้า แขน หรือมือ
3. กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- กล้ามเนื้อที่ได้รับผลกระทบจากเส้นประสาทที่ถูกกดทับ อาจอ่อนแรง ทำให้มีปัญหาในการเคลื่อนไหว เช่น ยกเท้าไม่ขึ้น หรือจับสิ่งของได้ไม่มั่นคง
4. อาการปวดเพิ่มขึ้นเมื่อเคลื่อนไหว
- อาการปวดอาจรุนแรงขึ้นเมื่อไอ จาม หรือขยับตัวในบางท่า
5. ปัญหาในการควบคุมการขับถ่าย
- ในกรณีที่รุนแรง ผู้ป่วยอาจมีปัญหาในการควบคุมการปัสสาวะหรืออุจจาระ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ต้องได้รับการรักษาโดยด่วน
หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม เนื่องจากการรักษาในระยะเริ่มต้นสามารถช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
ปัจจัยเสี่ยงหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท มีอะไรบ้าง
ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ ได้แก่
- น้ำหนักตัวมาก
- ยกของหนัก ยกผิดท่า
- ขาดการออกกำลังกาย
- ความเสื่อมของร่างกาย

สัญญาณเตือนหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เป็นอย่างไร
แม้หลายคนจะไม่รู้ตัว แต่สัญญาณเตือนที่ควรสังเกตมีดังนี้
1. ปวดหลังหรือคอเรื้อรัง อาการปวดหลังหรือคอที่เป็น ๆ หาย ๆ หรือปวดเรื้อรัง โดยเฉพาะเมื่อมีการเคลื่อนไหว เช่น ไอ จาม หรือเปลี่ยนท่าทาง อาจเป็นสัญญาณของหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
2.ปวดร้าวลงแขนหรือขา อาการปวดที่ร้าวจากหลังส่วนล่างลงไปที่ขา หรือจากคอลงไปที่แขน เป็นอาการที่พบบ่อยในผู้ที่มีหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โดยเฉพาะเมื่อเส้นประสาทถูกกดทับ
3. กล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อที่ได้รับผลกระทบจากเส้นประสาทที่ถูกกดทับ อาจอ่อนแรง ทำให้มีปัญหาในการเคลื่อนไหว เช่น ยกเท้าไม่ขึ้น หรือจับสิ่งของได้ไม่มั่นคง
4. อาการปวดเพิ่มขึ้นเมื่อเคลื่อนไหว อาการปวดอาจรุนแรงขึ้นเมื่อไอ จาม หรือขยับตัวในบางท่า
หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ดูแลตัวเองอย่างไร
การดูแลตนเองเมื่อมีภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยบรรเทาอาการและป้องกันการลุกลามของโรค โดยสามารถปฏิบัติตามแนวทางดังต่อไปนี้
1. พักผ่อนอย่างเหมาะสม
ในช่วงที่อาการปวดรุนแรง ควรพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่อาจเพิ่มแรงกดทับบนกระดูกสันหลัง เช่น การก้ม เงย หรือยกของหนัก
2. ปรับเปลี่ยนอิริยาบถและท่าทาง
หลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนนาน ๆ ควรเปลี่ยนอิริยาบถทุก ๆ 30-60 นาที นอกจากนี้ ควรนั่งและยืนในท่าทางที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการกดทับเส้นประสาทเพิ่มเติม
3. ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น การเดิน ว่ายน้ำ หรือโยคะ สามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้อง ซึ่งช่วยพยุงกระดูกสันหลังและลดแรงกดทับบนหมอนรองกระดูกได้ ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกสูงหรือท่าทางที่อาจทำให้เกิดอาการปวดเพิ่มขึ้น
4. ใช้อุปกรณ์พยุงหลัง
การใช้เข็มขัดพยุงหลังหรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ สามารถช่วยลดแรงกดทับบนกระดูกสันหลังในระหว่างการทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้
5. ปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด
หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดเพื่อรับการวินิจฉัยและแนะนำการรักษาที่เหมาะสม เช่น การทำกายภาพบำบัด การใช้ยา หรือการพิจารณาการรักษาอื่น ๆ ตามความจำเป็น
หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทรักษาอย่างไร
แนวทางการรักษามีหลายวิธีขึ้นอยู่กับความรุนแรง เช่น
- การใช้ยา เช่น ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยาลดการอักเสบ
- กายภาพบำบัด เช่น ดึงหลัง การออกกำลังกายเฉพาะทาง
- ฉีดยาสเตียรอยด์เฉพาะจุด เพื่อลดอาการอักเสบ
- การผ่าตัด ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการทางระบบประสาทรุนแรง
โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท อาจดูเหมือนไกลตัว แต่จริง ๆ แล้วสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ชีวิตในท่าเดิมซ้ำ ๆ นาน ๆ การสังเกตอาการเบื้องต้น และหมั่นปรับพฤติกรรม ออกกำลังกายเบา ๆ สามารถช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันภาวะแทรกซ้อนในอนาคตได้ หากมีอาการน่าสงสัย อย่ารอช้า ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง เพราะการรักษาเร็ว ย่อมฟื้นตัวได้เร็วเช่นกัน
ข้อมูลโดย
รศ. นพ.สรวุฒิ ธรรมยงค์กิจ
ศัลยกรรมกระดูกและข้อ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ขอบคุณข้อมูลจาก
