สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด (ปณด) และ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จัดระบบความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขและการดำรงชีพแก่ประชาชนและผู้ป่วยในพื้นที่ประสบอุทกภัยภาคใต้ โดยสนับสนุน รถขนส่งเวชภัณฑ์จาก ปณด ภายใต้ระบบกระจายเวชภัณฑ์ของ สปสช. ให้ถึงมือผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) และผู้ป่วยฟอกไตที่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการมอบ ถุงยังชีพและน้ำดื่มจากธนาคารกรุงไทย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ประชาชนและผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม สามารถขอรับความช่วยเหลือโดยโทรสายด่วน 1330 กด 7 ตลอด 24 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จะประเมินสถานการณ์ ประสานระบบขนส่งเวชภัณฑ์ รวมถึงการกระจายถุงยังชีพและน้ำดื่มไปยังพื้นที่เร่งด่วน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า อุทกภัยในหลายจังหวัดภาคใต้ครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะต่อบ้านเรือนและการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนเท่านั้น แต่ยังสร้างอุปสรรคสำคัญต่อการเข้ารับบริการสาธารณสุข โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่น ผู้ป่วยอาการหนัก ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และผู้ป่วยฟอกไตที่มีนัดฟอกเลือดตามรอบ ซึ่งการเลื่อนหรือขาดการรักษาอาจกระทบโดยตรงต่อความปลอดภัยของผู้ป่วย “ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องพบแพทย์หรือเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง แต่มีอุปสรรคในการเดินทางเพราะน้ำท่วม สามารถโทรสายด่วน สปสช. 1330 กด 7 ได้ เพื่อประสานพื้นที่ เพื่อจัดรถและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้แก่ผู้ป่วย ช่วยให้การรักษาไม่สะดุดแม้อยู่ในภาวะวิกฤต” เลขาธิการ สปสช. กล่าว
นายพีระ อุดมกิจสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด (ปณด) กล่าวว่า บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด (ปณด) ซึ่งเป็นหน่วยขนส่งภายใต้นวัตกรรมโลจิสติกส์ของไปรษณีย์ไทย มีความพร้อมเต็มที่ในการสนับสนุนภารกิจของ สปสช. ผ่านระบบขนส่งและคลังสินค้ามาตรฐานสูง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในภาวะฉุกเฉินที่ต้องการความรวดเร็ว ความถูกต้อง และความปลอดภัยของเวชภัณฑ์ที่จำเป็นต่อการรักษาชีวิตผู้ป่วย “ภารกิจครั้งนี้ ปณด ได้เร่งส่งรถขนส่งเวชภัณฑ์สำหรับการฟอกไต เข้าสนับสนุนพื้นที่ประสบอุทกภัยเพื่อให้เวชภัณฑ์ไปถึงหน่วยบริการและผู้ป่วยอย่างปลอดภัยและต่อเนื่อง เรามีความมุ่งมั่นที่จะเป็นกำลังสำคัญด้านโลจิสติกส์ทางการแพทย์ของประเทศในช่วงเวลาที่ท้าทาย”
ด้าน นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทยมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง และได้เร่งให้การสนับสนุนถุงยังชีพจากธนาคารกรุงไทยและน้ำดื่ม เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย พร้อมกันนี้ ธนาคารได้ระดมทีมงานและเครือข่ายสาขาของธนาคาร ลงพื้นที่เพื่อส่งมอบถุงยังชีพให้ถึงมือประชาชนอย่างต่อเนื่อง และร่วมสนับสนุนภารกิจของ สปสช. และ ปณด ในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม นอกจากการให้ความช่วยเหลือด้านถุงยังชีพและการดูแลผู้ป่วยแล้ว ธนาคารกรุงไทยยังได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าทั้งรายย่อยและผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ โดยครอบคลุมการลดดอกเบี้ยการลดค่างวดชำระหนี้ และการเสริมสภาพคล่อง เพื่อช่วยลดภาระทางการเงินและสนับสนุนการฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
สำหรับขั้นตอนการขอรับความช่วยเหลือ ผู้ป่วยหรือญาติสามารถโทรสายด่วน สปสช. 1330 กด 7 ตลอด 24 ชั่วโมง โดยแจ้งข้อมูลสำคัญ ได้แก่ ชื่อ–สกุล เบอร์ติดต่อกลับ และสถานที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถประเมินและประสานทีมในพื้นที่เพื่อเข้าถึงผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที
ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่าง สปสช. ปณด และ ธนาคารกรุงไทย ในการให้บริการขนส่งเวชภัณฑ์สำหรับฟอกไตและผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) รวมถึงการสนับสนุนถุงยังชีพและน้ำดื่มจากธนาคารกรุงไทยจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้จะคลี่คลาย
นายแพทย์เฉลิมพล ไชยรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ กล่าวต่อว่า การพัฒนาการบริการตั้งแต่ระยะเฉียบพลัน ในรพ.ระดับA/S จึงเป็นสิ่งสำคัญ ให้มีบริการ เฉพาะในด้านโรคต่างๆ และเชื่อมโยงสู่ “การดูแลระยะกลาง” หรือ Intermediate Care (IMC) เพื่อเชื่อมโยงการดูแลอย่างไร้รอยต่อ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการเป็น New S-Curve ภายในปี พ.ศ. 2570 กรมการแพทย์จึงขับเคลื่อนในสองบทบาทหลัก คือ บทบาทวิชาการและบทบาทด้านการผลักดัน ด้านนโยบาย เรามุ่งเน้นการขจัดอุปสรรคและสร้างกลไกเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการได้อย่างไร้รอยต่อ พัฒนาระบบบริการผู้ป่วยระยะกลาง
การเป็นกรมวิชาการและศูนย์กลางความเป็นเลิศ (Academic Center) การพัฒนา โรงพยาบาลยุคใหม่ (Modern Hospital) ที่เน้นความเป็นเลิศทางวิชาการและการใช้เทคโนโลยีชั้นสูง การยกระดับสู่ Center of Excellence (COE) และ High Technology Medical Service เช่น จัดตั้ง ศูนย์ฝึกเดินด้วยหุ่นยนต์ (Robotic Gait Training Center) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกเดินในกลุ่มผู้ป่วยระบบประสาท พัฒนา ศูนย์ 3D Printing เพื่อผลิตกายอุปกรณ์ อย่างรวดเร็วและแม่นยำ การพัฒนาบุคลากรเฉพาะทาง (Training Center) การเป็นแกนหลักในการจัดทำ เพื่อให้การผลิตและพัฒนาบุคลากรด้านฟื้นฟูฯ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ
ภารกิจในการสร้าง New S-Curve ด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ จะสำเร็จไม่ได้ด้วยการทำงานของกรมการแพทย์เพียงฝ่ายเดียว ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานด้านวิชาการ ได้แก่ ราชวิทยาลัยฯ สภา สมาคมต่างๆ และรพ.ในสังกัด
กระทรวงสาธารณสุข ให้ความร่วมมือด้านวิชาการ เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีและเป็นภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพ สร้างแรงบันดาลใจ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่เข้าร่วมการประชุมสาธารณสุขของประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์กรมการแพทย์ในด้านพัฒนาศูนย์อ้างอิงวิชาการแพทย์แห่งชาติและตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ของสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูฯ ในการสร้างงานวิจัยและนวัตกรรมการแพทย์สู่นโยบายสาธารณสุข (Excellent Research & Innovation) อีกด้วย
#กรมการแพทย์ #สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูฯ #ประชุมวิชาการ ครบรอบ 35 ปี - ขอขอบคุณ -2 ธันวาคม 2568

